หน้าหลัก > ความรู้ > สินเชื่อเพื่อการส่งออก > คุณก็ทำได้ 5 เหตุผลที่ต้องมีสินเชื่อเพื่อการส่งออก
หน้าหลัก > ความรู้ > สินเชื่อเพื่อการส่งออก > คุณก็ทำได้ 5 เหตุผลที่ต้องมีสินเชื่อเพื่อการส่งออก
จะรับออเดอร์ต่างประเทศให้ใหญ่ขึ้นและได้เงินไวขึ้น ต้องมีเครื่องมือการเงินคู่กัน—5 เหตุผลนี้ชี้ชัดว่าธุรกิจที่ใช้ “สินเชื่อเพื่อการส่งออก” ได้เปรียบทั้งทุนหมุน อำนาจต่อรอง และการบริหารความเสี่ยง
เช็กคุณสมบัติ | เช็กลิสต์เอกสาร
ไปหน้าแม่ สินเชื่อเพื่อการส่งออก
ออเดอร์ต่างประเทศมักมีรอบผลิตยาว + เครดิตเทอม 30–90 วัน ทำให้เงินออกก่อน เงินเข้าช้า
ใช้ Pre-shipment (Packing Credit/Pre-Export Finance) ระดมทุนซื้อวัตถุดิบ–ผลิต–แพ็ก และ Post-shipment (Invoice/LC Financing) เร่งเงินเข้า หลังส่งมอบแล้ว
ผลลัพธ์: เดินเครื่องผลิตต่อเนื่อง ไม่ต้องหยุดรอเงินงวดก่อน และต้นทุนดอกถูกกว่าการเบียด OD ค้างยาว
มีวงเงินรองรับ ทำให้คุณ กล้าต่อรอง เทอมที่ช่วยขายง่ายขึ้น (เช่น OA/DA ที่ลูกค้าต้องการ) โดยยังควบคุมสภาพคล่องได้
กรณีประเทศ/คู่ค้าเสี่ยงปานกลาง–สูง เปลี่ยนจาก OA → DA/LC ได้ โดยใช้สินเชื่อหลังส่งมอบมาช่วย “เร่งเงิน” ฝั่งผู้ขาย
ผลลัพธ์: ปิดดีลง่ายขึ้นโดยไม่บีบเงินหมุนตัวเองเกินไป
แปลง Invoice/LC เป็นเงินสดได้เร็ว ทำให้รอบ CCC สั้นลง → หมุนรอบได้มากขึ้นในปีเดียว
กรณีมี PO ใหญ่/ฤดูกาลพีค ใช้ Pre + Post คู่กัน เพื่อรับงานเพิ่มโดยไม่ต้องเพิ่มทุนตัวเองมาก
ผลลัพธ์: ยอดขายโตได้โดยสภาพคล่องยังนิ่ง
สินเชื่อส่งออกเดินคู่กับ Credit Insurance/LC/เฮดจ์ค่าเงิน ทำให้ความเสี่ยงผิดนัด/ผันผวนลดลงมาก
เอกสารการค้า (PO/PI/Invoice/BL/AWB/Insurance) ถูกตรวจโดยสถาบันการเงิน ช่วย คัดกรองความเสี่ยงเชิงเอกสาร อีกรอบ
ผลลัพธ์: โฟกัสการผลิต–ส่งมอบ ปล่อยฝั่งความเสี่ยงให้เครื่องมือการเงินช่วยดูแล
ใช้วงเงินแล้ว ปิดรอบตรงเวลา ธนาคารจะเห็นประวัติธุรกรรมจริง → เพิ่มความเชื่อมั่น–ขยายเพดาน–ปรับต้นทุนลง
เมื่อข้อมูลธุรกรรมสะสมมากพอ จะขยับไปสู่ โครงสร้างวงเงินที่ยืดหยุ่นขึ้น (เช่น multi-currency, multi-buyer)
ผลลัพธ์: ธุรกิจมี “พลังการเงิน” รองรับการเติบโตระยะยาว
PO 4 ล้านบาท / ผลิต 45 วัน / OA 60 วัน → Pre: Packing Credit, Post: Invoice Finance, เสริม: ประกันเครดิต + เฮดจ์ FX
ผู้ซื้อใหม่ในตลาดเสี่ยงปานกลาง → เทอม DA/LC at sight, Post: LC Discount, แนบ Buyer Profile ชัดเจน
พีคซีซันหลายออเดอร์พร้อมกัน → ใช้ Pre+Post ผสมกันเพื่อไม่ให้ OD ค้างยาว และตั้งแผน “ใช้–โปะ–ปิดรอบ” ราย shipment
เตรียม Buyer Profile: บริษัท–ประเทศ–เครดิตรีพอร์ต–เทอมที่ตกลง–ธนาคารคู่ค้า
จัดเอกสารการค้าให้ ครบ–ตรง–ตรวจย้อนกลับได้ (PO/PI, Invoice, BL/AWB, Insurance, CO)
เลือกว่าจะใช้ Pre / Post / หรือทั้งคู่ ตามระยะผลิต–เครดิตเทอม
วาง แผนโปะเงิน ชัดเจน (เมื่อเงินเข้าจะปิด Pre ก่อน/ลด OD อย่างไร)
ทำ Sensitivity ง่าย ๆ (ยอดเลื่อน/ราคาวัตถุดิบ/ค่าเงิน) เพื่อคุยกับธนาคารอย่างมืออาชีพ
ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ จะเริ่มได้ไหม? ได้—หากเอกสารการค้าและกระแสเงินสดชัด หรือมีประกันเครดิตช่วยค้ำส่วนหนึ่ง (รายละเอียดดูที่ สินเชื่อไม่ใช้ทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อการส่งออก 2568)
ต้องใช้ LC เสมอไหม? ไม่จำเป็น ขึ้นกับความเสี่ยงคู่ค้า/ประเทศและอำนาจต่อรอง หากใช้ OA/DA ควรพิจารณา Post-shipment และเครื่องมือคุมเสี่ยง
ควรใช้ OD หรือสินเชื่อส่งออก? ใช้ได้ทั้งคู่ แต่ OD ไม่ควรค้างยาว—งานผลิต/รอเงินเข้าควรพึ่ง Pre/Post เพื่อคุมดอกและวินัยรอบเงิน
มีสถานะนิติบุคคล/ผู้ประกอบการจดทะเบียน และดำเนินธุรกิจส่งออกจริง (มีหลักฐานการค้า)
มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เช่น PO/สัญญา/LC (Letter of Credit) หรืออย่างน้อยเอกสารการขายย้อนหลัง (Invoice) ที่ตรวจสอบได้
เดินบัญชีสม่ำเสมอ 6–12 เดือน สะท้อนยอดขายจริง เลี่ยงการถอนเงินสดก้อนใหญ่บ่อย ๆ
เอกสารการค้าครบและสอดคล้องกัน เช่น Proforma/Commercial Invoice, Packing List, หลักฐานการขนส่ง (BL/ใบตราส่งทางเรือ หรือ AWB/ใบตราส่งทางอากาศ)
งบ/สรุปการเงินพื้นฐานครบ (รายได้–ค่าใช้จ่าย–กำไรโดยสรุป) เพื่อให้เห็นความสามารถชำระคืน (ความสามารถชำระหนี้/DSCR = รายรับเพื่อชำระหนี้ ÷ ภาระหนี้ต่อเดือน)
ประวัติชำระหนี้ดี ชำระตรงเวลา ไม่ค้างชำระ
แผนการผลิต–ส่งมอบ–รับเงิน 6–12 เดือน ระบุรอบเงินเข้า–ออกชัดเจน
แผนบริหารความเสี่ยงค่าเงิน (เฮดจ์/ทำประกันความเสี่ยง อธิบายโดยย่อก็ได้) สำหรับสกุลเงินที่คาดว่าจะรับ
รายการคู่ค้าต่างประเทศที่ตรวจสอบได้ (ที่อยู่/ประเทศ/วิธีชำระ) เพื่อประเมินความเสี่ยงการค้า
ปฏิบัติตามกฎหมายการค้า–ศุลกากร สินค้าไม่ติดข้อห้าม/คว่ำบาตร และมี HS Code ที่ชัดเจน
ผู้ส่งออกรายใหม่ (ยังไม่มีประวัติยาว): ควรมี PO ที่ยืนยันแล้ว, โปรไฟล์คู่ค้า/รีเฟอเรนซ์, แผนผลิต–ส่ง–รับเงินที่ละเอียด, และ ใบเสนอราคาเครื่องจักร/วัตถุดิบ (ถ้าต้องเพิ่มกำลังผลิต) เพื่อช่วยจัดโครงวงเงินได้แม่นยำ