สินเชื่อ ธุรกิจ SME ไม่มี หลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่คุณควรเลือก

อยากยื่นกู้ให้ผ่านแต่ ไม่อยากใช้หลักทรัพย์ค้ำ เลือกประเภทสินเชื่อให้ ตรงโจทย์เงินสด–ความยืดหยุ่น–ค่างวด จะช่วยประหยัดต้นทุนและไม่ตึงมือ บทความนี้สรุปวิธีเลือก สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (อัปเดต 2568) แบบอ่านง่าย พร้อมตัวอย่างสถานการณ์จริง

ดูภาพรวมทั้งคลัสเตอร์ → คู่มือ “สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (2568)”
เตรียมเอกสารให้พร้อม → เช็กลิสต์เอกสาร

เลือกไวใน 60 วินาที

• หากคุณต้องการวงเงินสำหรับหมุนเวียนระยะสั้น และไม่มีทรัพย์ค้ำ ลองพิจารณา สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (สมัครและรู้ผลเบื้องต้นได้รวดเร็ว)

• รายได้สม่ำเสมอมีโอกาสผ่านง่ายกว่า ตรวจดูสเตทเมนต์ 6–12 เดือนล่าสุดให้พร้อม

• เคยมีบัตรเครดิต/ผ่อนสินค้าตรงเวลา ช่วยยืนยันวินัยชำระ (เครดิตดี = โอกาสอนุมัติสูงขึ้น)

• ถ้ารายได้แปรผัน ให้แนบหลักฐานงาน/สัญญาซื้อขาย/ใบสั่งผลิต เพื่ออธิบายกระแสเงินสด

• เลือกแบบ “ผ่อนรายงวด” เมื่อต้องการวางแผนค่างวดชัดเจน หรือ “วงเงินหมุนเวียน” หากยอดรับ–จ่ายสั้นถี่

• เปรียบเทียบดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และระยะเวลาผ่อนจากหลายผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจ

• คำค้นใกล้เคียง: สินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์, กู้ธุรกิจไม่มีหลักประกัน, วงเงินหมุนเวียนสำหรับผู้ประกอบการ

ทิป: ถ้ารายได้ “ขึ้น–ลงเป็นรอบ” เริ่มจาก OD/หมุนเวียน แล้วรีไฟแนนซ์บางส่วนเป็น ผ่อนรายเดือน เพื่อลดดอกโดยรวม
(คีย์เวิร์ดรองใช้ธรรมชาติ: “สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568”, “แฟคตอริ่ง”)

แผนที่ตัดสินใจ 3 ขั้น

• ขั้นที่ 1: ประเมินความต้องการเงินทุน — ใช้ทำอะไร ระยะเวลาเท่าไร ต้องการผ่อนแน่นอน (ผ่อนงวด) หรือยืดหยุ่น (วงเงินหมุนเวียน)

• ขั้นที่ 2: เช็กคุณสมบัติและเอกสาร — รายได้/สเตทเมนต์/ทะเบียนบริษัทหรือจดทะเบียนพาณิชย์/เอกสารภาษี เตรียมให้ครบเพื่อลดการขอเอกสารเพิ่ม

• ขั้นที่ 3: เปรียบเทียบและยื่นสมัคร — เทียบอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม วงเงินสูงสุด เงื่อนไขเบิกใช้ จากหลายสถาบัน เลือกแผนที่เหมาะ แล้วสมัคร สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่ตอบโจทย์

เคล็ดลับ: ถ้ามีรายได้หลายช่องทาง ให้รวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสอนุมัติ

ข้อดี–ข้อเสีย

ข้อดี

• อนุมัติไวกว่าแบบมีหลักทรัพย์ เหมาะกับงานที่ต้องใช้เงินทันที เช่น ปิดยอดซัพพลายเออร์ เติมสต็อกรับเทศกาล หรือจ่ายค่าแรงรอบสิ้นเดือน

• ไม่ต้องเอาทรัพย์สินไปค้ำ ลดความเสี่ยงต่อบ้าน/ที่ดินของครอบครัว และยืดหยุ่นในการวางแผนชีวิตมากกว่า

• ยืดหยุ่นสูง เลือกฟอร์มให้เหมาะกับงาน จะหมุนเวียน (OD/Revolving), ก้อนสั้น, ผ่อนคงที่ (Term) หรือผูกกับงานโปรเจกต์ (PO/Contract/SCF) ก็ได้

• เสียดอกเฉพาะส่วนที่ใช้จริง (กรณี OD/หมุนเวียน) ถ้าได้วงเงิน 1 ล้านบาท แต่ใช้จริง 3 แสน ก็คิดดอกเฉพาะ 3 แสน ช่วยประหยัดต้นทุนในช่วงยอดเงียบ

• ปรับวงเงินตามผลงานธุรกิจได้ หากบัญชีเดินสะพัดสม่ำเสมอและยอดขายเติบโต ธนาคารมักพิจารณาเพิ่มวงเงินในอนาคตได้ง่ายขึ้น

• ไม่ต้องเสียเวลาประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ ลดขั้นตอนเอกสารเฉพาะทาง และลดความเสี่ยง “ตีราคาไม่ได้/ไม่พอ”

ข้อเสีย

• ดอกเบี้ยรวมมักสูงกว่าแบบมีหลักทรัพย์ โดยเฉพาะถ้าถือยอดค้างนาน ต้นทุนจริงต่อปีอาจสูงกว่าที่คิด

• วงเงินมักจำกัดกว่า วงเงินอนุมัติผูกกับกระแสเงินสดและประวัติรายได้ หากธุรกิจยังใหม่หรือรายรับแกว่ง วงเงินอาจไม่สูงพอสำหรับการลงทุนใหญ่

• เงื่อนไขอนุมัติเข้มงวดด้านเอกสารและเครดิต บัญชีเดินสะพัด งบการเงิน และภาษีต้องสะท้อนรายได้จริง/สม่ำเสมอ ถ้าขาดตอนอาจกระทบการพิจารณา

• อาจมีต้นทุนแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมทำสัญญา/เบิกใช้, ค่าอากรแสตมป์, ค่าปรับกรณีชำระล่าช้าหรือปิดก่อนกำหนด (ขึ้นกับโปรแกรม)

• ต้องมีวินัยการใช้เงิน โดยเฉพาะ OD ถ้า “เบิกเพลิน” หรือหมุนผิดจังหวะ จะเสียดอกต่อเนื่องและดึงสภาพคล่องจนตึงมือ

• บางกรณีอาจต้องมีผู้ค้ำ/ใช้ค้ำประกัน บสย. แม้ไม่ใช้ทรัพย์ค้ำ แต่อาจมีค่าธรรมเนียมค้ำเพิ่ม ต้องคิดรวมในต้นทุนจริงด้วย

หากต้องการวงเงินที่มากขึ้นในระยะยาว อาจพิจารณาผสม “สินเชื่อมีหลักประกัน” สำหรับการลงทุนใหญ่ และใช้ สินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์ เป็นเงินหมุนเวียนระยะสั้น