SME ที่ไม่มีทรัพย์ค้ำ ยังเข้าถึงเงินทุนได้ผ่าน “ค้ำประกันโดยรัฐ–วงเงินจากสถาบันรัฐ–มาตรการลดต้นทุน” บทนี้สรุปแบบใช้งานจริง และวิธีประเมินว่าคุ้มไหม
ค้ำประกันสินเชื่อโดยรัฐ (เช่น บสย./โครงการค้ำประกันต่าง ๆ): ช่วย “เสริมความเชื่อมั่น” ให้ธนาคารปล่อยกู้แม้ไม่มีทรัพย์ค้ำ โดยผู้กู้จ่าย ค่าค้ำประกัน ตามเงื่อนไขโครงการ
วงเงิน/สินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐ: มีผลิตภัณฑ์เฉพาะทางสำหรับ SME รายย่อย–รายใหม่–นวัตกรรม เป็นต้น (เงื่อนไขเรียบง่ายขึ้นกว่าสินเชื่อปกติ)
มาตรการลดต้นทุนทางการเงิน: บางช่วงมีโครงการช่วยค่าธรรมเนียม/อัตราดอกเบี้ย หรือเครื่องมือเสริม เช่น อบรม–ที่ปรึกษา–ยกระดับบัญชี เพื่อให้ “ผ่านอนุมัติ” ง่ายขึ้น
ดูภาพรวมแนวคิดและเงื่อนไขทั้งหมดได้ที่ คู่มือสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
1) รายได้เดินดีแต่ทรัพย์ค้ำจำกัด
สัญญาณว่าเข้าเกณฑ์: เงินเข้าในบัญชีกิจการสม่ำเสมอ 6–12 เดือน, POS/แพลตฟอร์ม “ตรง” กับสเตทเมนต์, ใช้ OD เฉลี่ยไม่เกิน ~70% ของเพดาน, DSCR ≥ ~1.2 หลังรวมวงเงินที่ขอ
ทำไมเหมาะ: ธนาคารเห็น “จ่ายไหวจริง” แต่ติดที่ทรัพย์ค้ำมีน้อย → การค้ำโดยรัฐช่วย “เสริมความเชื่อมั่น” ให้ปล่อยกู้ได้วงเงินพอใช้งาน
ตัวอย่างสั้น: รายได้สุทธิหลังค่าใช้จ่ายคงเหลือ 150,000/เดือน ต้องการวงเงินเพิ่ม ค่างวดรวมใหม่ 110,000 → DSCR = 150,000 ÷ 110,000 = 1.36 (ผ่าน) แม้ไม่มีทรัพย์ค้ำมาก ก็มี “เคสจ่ายไหว” ให้อนุมัติได้
2) ต้องการวงเงินเพื่อหมุนงาน/ขยายกิจการเร็ว
สัญญาณว่าเข้าเกณฑ์: มี PO/สัญญา/ดีมานด์ก้อนใหญ่ระยะใกล้ แต่เงินหมุนยังไม่พอ, รอบรับเงิน 30–60 วัน
ทำไมเหมาะ: การค้ำโดยรัฐช่วยให้โครงวงเงิน “ทันรอบงาน” โดยไม่ต้องนำทรัพย์ส่วนตัวไปผูก
ตัวอย่างสั้น: ได้ออเดอร์เพิ่มที่สร้าง กำไรขั้นต้น ประมาณ 60,000/เดือน หากมีวงเงินเสริม แม้ต้องจ่ายดอก+ค่าค้ำรวม 35,000/เดือน ก็ยังคงเหลือส่วนต่าง 25,000 (มีเหตุผลทางธุรกิจ)
3) ผู้ประกอบการรายใหม่/เพิ่งฟื้นตัว
สัญญาณว่าเข้าเกณฑ์: มีหลักฐานดีมานด์ (Pre-order/PO/ยอดแพลตฟอร์ม), กระบวนการผลิต/ให้บริการพร้อม, แผนเงินสด 12–24 เดือนชัด, ไม่มีค้างชำระใหม่
ทำไมเหมาะ: แม้ประวัติยังสั้นหรือเคยสะดุด แต่ถ้าปัจจุบัน “วินัยดี + พิสูจน์เงินสดได้” การค้ำโดยรัฐช่วยเปิดประตูวงเงินเริ่มต้นให้เดินเครื่องธุรกิจ
หลักคิด: กำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการได้วงเงิน ควรมากกว่า ค่าค้ำ + ดอกเบี้ยรวม
สูตรสั้น ๆ:
กำไรเพิ่มต่อปี ≈ (ยอดขายที่เพิ่มจากวงเงิน × %กำไรขั้นต้น)
ต้นทุนการเงินต่อปี ≈ (ดอกเบี้ยที่จ่ายจริง + ค่าค้ำรวม)
ถ้า กำไรเพิ่ม > ต้นทุนการเงิน → “คุ้ม”
ตัวอย่างเร็ว: วงเงินทำให้ยอดขายเพิ่ม 2,000,000/ปี กำไรขั้นต้น 25% → กำไรเพิ่ม = 500,000/ปี ถ้าดอกเบี้ย+ค่าค้ำรวม ~300,000/ปี → ยังเหลือส่วนต่าง 200,000 (คุ้ม)
ลงทุนครั้งเดียว (รีโนเวต/อุปกรณ์/เปิดสาขา): ใช้ Term/Working Capital อายุเงินกู้ใกล้อายุสินทรัพย์ → ค่างวดพอดี ไม่บีบกระแสเงินสด
ค่าใช้จ่ายรายวัน (สต๊อก/ค่าแรง/ค่าน้ำไฟ/ขนส่ง): ใช้ OD/Revolving ดึง–โปะตามรอบเงินเข้า
สูตร OD เริ่มต้น: 1–1.5× ค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน + สำรอง 10–20%, ใช้จริงเฉลี่ย 50–70% ของเพดาน และพยายาม “ปิด OD” ไตรมาสละครั้ง
รวมทุกวงเงินแล้วตั้งเป้า DSCR ≥ ~1.2–1.3 (เงินสดคงเหลือ/ค่างวด) เพื่อเฮดรูมตามเงื่อนไข
ยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้ Term หรือ OD ดี? เทียบข้อดี–ข้อควรระวังได้ที่ เปรียบเทียบสินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์
สรุปธุรกิจ 1 หน้า: ทำอะไร–ลูกค้าหลัก–ขอวงเงินเท่าไร–ใช้เงินอะไร–คืนเงินอย่างไร–ตัวเลขสำคัญ (ยอดขาย/กำไร/DSCR)
หลักฐานรายได้พิสูจน์ได้: รายงาน POS/แพลตฟอร์ม + สเตทเมนต์ 6–12 เดือน พร้อม “ตารางเทียบ ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี” 1 หน้า
แผนเงินสด 12–24 เดือน: แสดงว่ายื่นกู้แล้ว DSCR ยัง ≥ ~1.2
โครงสร้างผู้ถือหุ้น/อำนาจลงนาม + เอกสารภาษี/งบล่าสุด
ถ้าขอค้ำโดยรัฐ: เอกสารตามเกณฑ์โครงการ (คุณสมบัติผู้กู้/ขนาดกิจการ/วัตถุประสงค์)
ประเมินความต้องการเงิน: แยก Term (ลงทุน) / OD (หมุนเวียน) ด้วยสูตรด้านบน
จัดแฟ้ม: สรุปธุรกิจ 1 หน้า + หลักฐานรายได้ + แผนเงินสด + เอกสารบริษัทครบ
เลือกสถาบันการเงิน 2–3 แห่ง และสอบถาม โครงการค้ำ/มาตรการที่เปิดอยู่ในช่วงนั้น
เปรียบเทียบ ต้นทุนรวม (ดอกเบี้ย+ค่าค้ำ+ค่าธรรมเนียมอื่น) กับ กำไรเพิ่มจากวงเงิน
ยื่นพร้อมกันแบบข้อมูลเดียวกัน ตอบคำถาม Due Diligence ให้เร็วและครบ
ค่าค้ำประกันเป็น ต้นทุนคงที่ ต่อปี/ตลอดอายุสัญญา → ต้องใส่ไว้ในตารางเงินสด
อย่าใช้ OD ไปลงทุนยาว: จะทำให้ค้างเต็มเพดาน ดอกบาน และ DSCR ตก
หลีกเลี่ยงการยื่นด้วยตัวเลข “ไม่สัมพันธ์กัน” (POS ↔ สเตทเมนต์ ↔ ภาษี/งบ) เพราะอาจถูกปัดตกตั้งแต่ต้นทาง
วงเงิน Term vs OD แยกชัด และคำนวณ DSCR ≥ ~1.2–1.3 แล้ว
มี “ตารางเทียบ ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี” 6–12 เดือน
เอกสาร คุณสมบัติตามโครงการค้ำของรัฐ ครบ (ถ้าใช้ค้ำ)
เปรียบเทียบ “กำไรเพิ่มจากวงเงิน” กับ “ดอกเบี้ย+ค่าค้ำรวม” แล้ว คุ้ม
เตรียมตอบคำถาม Due Diligence (สาเหตุขอกู้, แผนใช้เงิน, แผนคืนเงิน, แผนรองรับถ้าขายต่ำกว่าคาด)
ก่อนยื่นจริง แนะนำดูรายการเอกสารครบถ้วนที่ เช็กลิสต์เอกสาร แล้วติ๊กตามลำดับ