เพิ่มศักยภาพธุรกิจด้วยสินเชื่อ SME

การเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ทว่าหลายครั้งที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียน สินเชื่อธุรกิจจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มศักยภาพและขยายกิจการ สินเชื่อ SME สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง ประเภทของสินเชื่อธุรกิจมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมมากที่สุดคือ สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อsmeที่เหมาะกับคุณ

ทั้งนั้สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่ต้องใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ในขณะที่สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอาจมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่าสำหรับธุรกิจที่ไม่มีสินทรัพย์มูลค่าสูง ทั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่การขอสินเชือประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจะมีความยากกว่า แต่มี Tips & Tricks เคล็ดลับการเพิ่มโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อหากเป็นสินเชื่อประเภทไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันดังนี้

เคล็ดลับการเพิ่มโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อหากเป็นสินเชื่อประเภทไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

1. ลดภาระหนี้เดิมก่อนขอสินเชื่อใหม่

การมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไปเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้สถาบันการเงินปฏิเสธคำขอสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ก่อนที่คุณจะยื่นขอสินเชื่อ SME ควรจัดการหนี้ที่มีอยู่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมซึ่งคือการวัดค่า DSR (Debt Service Ratio)

รายละเอียดเกี่ยวกับ DSR (Debt Service Ratio)

• DSR (Debt Service Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือน (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) เทียบกับ รายได้ต่อเดือนของธุรกิจ (หรือบุคคล หากเป็นกรณีสินเชื่อส่วนบุคคล)

• ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้แนวทางว่า DSR ไม่ควรเกิน 50% เพื่อให้มั่นใจว่าผู้กู้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง

• หากธุรกิจมี DSR สูงกว่า 50% ธนาคารจะมองว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะแสดงว่าธุรกิจมีภาระหนี้สูงเมื่อเทียบกับรายได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้

 2. ในช่วงก่อนขอสินเชื่อควรมีการชำระหนี้ให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ

ประวัติการชำระหนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงิน การชำระหนี้ตรงเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อจะช่วยสร้างประวัติเครดิตที่ดีและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ

 3. เพิ่มความสามารถในการชำระหนี้โดยการปิดวงเงินที่ไม่จำเป็น

หากธุรกิจของคุณมีวงเงินสินเชื่อหลายประเภทที่ไม่ได้ใช้งาน ควรพิจารณาปิดบางวงเงินเพื่อลดภาระหนี้สินรวมในระบบ สถาบันการเงินจะพิจารณาวงเงินสินเชื่อทั้งหมดที่คุณมี แม้ว่าจะยังไม่ได้เบิกใช้ก็ตาม

 4. แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายธุรกิจ

แน่นอนว่าสินเชื่อแทบทุกประเภทไม่ว่าวงเงินเล็กหรือวงเงินสูง สถาบันการเงินต้องการเห็นว่าธุรกิจของคุณมีศักยภาพในการชำระหนี้ซึ่งการได้สินเชื่อมีดอกเบี้ยที่ถือเป็นรายจ่ายซึ่งหมายถึงผู้กู้ก็ต้องมีรายได้มากขึ้นเพื่อชำระหนี้ ซึ่งการแสดงให้เห็นนี้ทำได้ด้วย แผนธุรกิจ (Business Plan) ที่ชัดเจน

 5. แสดงผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโต

นำเสนอข้อมูลทางการเงินย้อนหลังอย่างน้อย 2-3 ปี ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง หากธุรกิจของคุณเพิ่งเริ่มต้น ควรมีข้อมูลการดำเนินงานอย่างน้อย 6 เดือนที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดี

การขอสินเชื่อ SME แบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันอาจมีความท้าทาย แต่ด้วยการเตรียมความพร้อมที่ดี คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติได้ การลดภาระหนี้เดิม การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจ และการสร้างเครดิตธุรกิจที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินเกิดความมั่นใจในการอนุมัติสินเชื่อให้กับธุรกิจของคุณ

นอกจากนี้ การเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดของสินเชื่อแต่ละประเภทอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

การศึกษาข้อมูลสินเชื่อSMEเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้กับ SME ไทย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมและการวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

#สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #ธุรกิจSME #เงินทุนหมุนเวียน