การดำเนินธุรกิจ SME ในปัจจุบันมักต้องอาศัยเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการหรือแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง สินเชื่อธุรกิจจึงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ แต่คำถามที่หลายคนกังวลคือ หากมีประวัติการผ่อนชำระล่าช้า จะสามารถขอสินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันได้หรือไม่? อะไรคือปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้พิจารณา และเคล็ดลับเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อแม้มีประวัติการผ่อนชำระล่าช้า
ประวัติเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักประกัน
กรณีเคยล่าช้าแต่ชำระหนี้หมดแล้ว: หากคุณเคยมีประวัติการชำระล่าช้า แต่ปัจจุบันได้ชำระหนี้ครบถ้วนและไม่มีหนี้ค้างชำระ โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อยังมีอยู่ สถาบันการเงินบางแห่งอาจพิจารณาจากพฤติกรรมการชำระเงินในช่วง 12-24 เดือนล่าสุดมากกว่าประวัติในอดีต
กรณียังมีสถานะค้างชำระ: หากปัจจุบันยังมีหนี้ค้างชำระหรือมีประวัติค้างชำระหลายบัญชี จะส่งผลลบต่อการพิจารณาอย่างมาก เนื่องจากแสดงถึงความเสี่ยงสูงในการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต
ความรุนแรงของการผ่อนชำระล่าช้าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินนำมาพิจารณา:
ล่าช้าไม่นาน (30 วัน): หากเคยชำระล่าช้าไม่เกิน 30 วัน และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สถาบันการเงินอาจยังพิจารณาให้สินเชื่อได้ โดยเฉพาะหากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นนานมาแล้ว
ล่าช้าหนัก (90 วันขึ้นไป): การชำระล่าช้าเกิน 90 วัน หรือที่เรียกว่า "NPL" (Non-Performing Loan) จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความน่าเชื่อถือทางการเงิน และทำให้โอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน
ความถี่ของการล่าช้า: การล่าช้าที่เกิดขึ้นหลายครั้งแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็ส่งผลเสียต่อการพิจารณา เพราะแสดงถึงความไม่สม่ำเสมอในการบริหารการเงิน
นอกจากประวัติเครดิตแล้ว สถาบันการเงินยังพิจารณาจากรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ในปัจจุบัน:
รายได้มั่นคงและเพียงพอ: หากธุรกิจของคุณมีรายได้ที่มั่นคงและเพียงพอต่อการชำระหนี้ สถาบันการเงินอาจยอมมองข้ามประวัติการชำระล่าช้าในอดีตได้ โดยเฉพาะหากสามารถแสดงหลักฐานการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt Service Ratio): สถาบันการเงินจะคำนวณว่าภาระหนี้ทั้งหมดของคุณคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 50-60% ของรายได้ หากมีภาระหนี้สูงอยู่แล้ว โอกาสได้รับสินเชื่อเพิ่มจะน้อยลง แม้จะไม่มีประวัติล่าช้าก็ตาม
กระแสเงินสดของธุรกิจ: สถาบันการเงินจะตรวจสอบกระแสเงินสดย้อนหลัง 6-12 เดือน เพื่อประเมินความสม่ำเสมอของรายได้และความสามารถในการชำระหนี้
ลักษณะของธุรกิจและแหล่งที่มาของรายได้มีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อ:
ธุรกิจที่มีรายได้ประจำ: ธุรกิจที่มีสัญญาระยะยาวกับลูกค้า หรือมีรายได้ประจำที่แน่นอน จะได้เปรียบในการยื่นขอสินเชื่อ เพราะสถาบันการเงินมองว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า
ธุรกิจที่มีรายได้ไม่แน่นอน: ธุรกิจตามฤดูกาลหรือธุรกิจที่มีรายได้ขึ้นลงมาก อาจต้องแสดงหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสามารถในการชำระหนี้ เช่น สัญญาการค้า คำสั่งซื้อล่วงหน้า หรือแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ระยะเวลาดำเนินธุรกิจ: ธุรกิจที่ดำเนินการมานานกว่า 2-3 ปี มักได้รับความเชื่อถือมากกว่าธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะมีประวัติการดำเนินงานให้ตรวจสอบได้
ประเภทของสินเชื่อธุรกิจที่คุณเลือกยื่นขอก็มีผลต่อโอกาสในการอนุมัติ:
สินเชื่อธุรกิจจากธนาคารพาณิชย์: มักมีเงื่อนไขเข้มงวดและพิจารณาประวัติเครดิตอย่างละเอียด แต่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
สินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank): อาจมีเงื่อนไขผ่อนปรนกว่า แต่คิดดอกเบี้ยสูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยง
สินเชื่อ SME ที่มีการค้ำประกันจากรัฐบาล: เช่น โครงการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีประวัติเครดิตไม่สมบูรณ์
สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์: บางแพลตฟอร์มใช้ระบบการให้คะแนนเครดิตทางเลือก (Alternative Credit Scoring) ซึ่งอาจไม่ได้พิจารณาเฉพาะประวัติเครดิตจากเครดิตบูโรเท่านั้น
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหากท่านสนใจประเภทของสินเชื่อธุรกิจSMEไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ก่อนยื่นขอสินเชื่อธุรกิจ ควรจัดการกับหนี้ค้างชำระที่มีอยู่ให้เรียบร้อยก่อน:
ชำระหนี้ค้างให้หมด: พยายามชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้เรียบร้อย เพื่อให้สถานะในเครดิตบูโรเปลี่ยนเป็น "ปิดบัญชีเรียบร้อย"
ตรวจสอบรายงานเครดิต: ขอตรวจสอบรายงานเครดิตของตนเองจากเครดิตบูโร เพื่อดูว่ามีข้อมูลใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ หากพบข้อผิดพลาด สามารถยื่นขอแก้ไขได้
สร้างประวัติการชำระที่ดี: พยายามชำระหนี้ที่มีอยู่ให้ตรงเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อใหม่ เพื่อสร้างประวัติการชำระที่ดีในช่วงล่าสุด
หากเคยมีประวัติล่าช้าแต่ได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว การมีหลักฐานยืนยันจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ:
หนังสือรับรองการชำระหนี้: ขอหนังสือรับรองจากเจ้าหนี้เดิมว่าได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว
หนังสือชี้แจงเหตุผล: เตรียมหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ทำให้เกิดการชำระล่าช้าในอดีต พร้อมอธิบายว่าได้แก้ไขปัญหานั้นอย่างไร และมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอย่างไร
ไม่ใช่ทุกสถาบันการเงินจะมีเกณฑ์การพิจารณาเหมือนกัน:
สถาบันการเงินที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติเครดิตไม่สมบูรณ์: บางสถาบันมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเฉพาะสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติล่าช้า เช่น สินเชื่อฟื้นฟูเครดิต
สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank): มักมีเกณฑ์การพิจารณาที่ยืดหยุ่นกว่าธนาคารพาณิชย์ แต่อาจคิดดอกเบี้ยสูงกว่า
แพลตฟอร์มสินเชื่อออนไลน์: บางแพลตฟอร์มใช้ระบบการให้คะแนนเครดิตทางเลือกที่พิจารณาปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากประวัติเครดิต
การขอวงเงินที่สมเหตุสมผลจะเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ:
เริ่มจากวงเงินไม่สูงมาก: ขอวงเงินที่ไม่สูงเกินไปในเบื้องต้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับสถาบันการเงิน
คำนวณความต้องการที่แท้จริง: ขอเฉพาะวงเงินที่จำเป็นต่อธุรกิจจริงๆ และสามารถชำระคืนได้ ไม่ควรขอเผื่อโดยไม่มีแผนการใช้เงินที่ชัดเจน
แสดงแผนการใช้เงินและการชำระคืน: จัดทำแผนธุรกิจที่แสดงให้เห็นว่าเงินกู้จะถูกนำไปใช้อย่างไร และจะสร้างรายได้เพื่อชำระคืนอย่างไร
เอกสารที่ครบถ้วนและน่าเชื่อถือจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ:
งบการเงินย้อนหลัง: จัดเตรียมงบการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี ที่ผ่านการรับรองโดยผู้ตรวจสอบบัญชี
แผนธุรกิจ: จัดทำแผนธุรกิจที่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและความสามารถในการชำระหนี้
เอกสารแสดงรายได้: รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6-12 เดือน ที่แสดงให้เห็นถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ
สัญญาทางธุรกิจ: สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า หรือคำสั่งซื้อที่แสดงให้เห็นถึงรายได้ในอนาคต
ทรัพย์สินของธุรกิจ: แม้จะขอสินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่การแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีทรัพย์สินอยู่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การมีประวัติผ่อนชำระล่าช้าไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถขอสินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันได้เลย แม้จะทำให้โอกาสในการอนุมัติลดลง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สถาบันการเงินนำมาพิจารณาร่วมด้วย
หากคุณมีประวัติผ่อนชำระล่าช้า แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงสถานะทางการเงินให้ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจ คุณยังมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อ โดยเฉพาะหากเลือกสถาบันการเงินที่เหมาะสมและจัดเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วน
สิ่งสำคัญคือการวางแผนล่วงหน้า ปรับปรุงประวัติเครดิตให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติและได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือต้องการปรึกษาเรื่องการวางแผนทางการเงินสำหรับธุรกิจ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลและบริการที่ครบถ้วน เรามีที่ปรึกษาทางการเงินที่พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ
#สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อSME #ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #แหล่งเงินทุนธุรกิจ #สินเชื่ออนุมัติง่าย #ฟื้นฟูเครดิต #เงินทุนหมุนเวียน