หน้าหลัก > ความรู้ > รีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ sme > รีไฟแนนซ์สินเชื่อระยะสั้น ช่วยให้ผ่อนสบายขึ้น
หน้าหลัก > ความรู้ > รีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ sme > รีไฟแนนซ์สินเชื่อระยะสั้น ช่วยให้ผ่อนสบายขึ้น
เมื่อเงินตึงชั่วคราว ลองใช้ รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบระยะสั้น คลายค่างวดให้พอดี คุมดอกเบี้ยรวม และวางกติกาโปะให้เงินสดกลับมาคล่องเร็ว
หลายธุรกิจมักเผชิญปัญหาเมื่อต้องแบกรับภาระหนี้ระยะสั้นที่มียอดผ่อนสูง ส่งผลให้กระแสเงินสดตึงเครียดและการบริหารธุรกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก การรีไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นให้เป็นหนี้ระยะยาวจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ
รีไฟแนนซ์ระยะสั้น คือการปรับโครงสร้างหนี้แบบชั่วคราวเพื่อคลายแรงกดเงินสด โดยเน้น “พอดีกับจังหวะรายได้” มากกว่าการยืดงวดยาว ๆ จุดประสงค์คือผ่านช่วงคอขวดให้ได้โดยไม่ทำให้ ดอกเบี้ยรวม พองเกินจำเป็น
อาการที่บอกว่าเหมาะกับระยะสั้น
▲ รายได้มีฤดูกาล/รอบโปรเจกต์: เงินเข้าไม่สม่ำเสมอ ช่วงรอยต่อจึงตึงมือ
▲ เครดิตเทอมลูกค้ายาว: บิลค้างรับ 60–120 วัน ทำให้ต้องยืมเงินหมุนเพิ่ม
▲ ต้นทุนแหลมระยะสั้น: ต้องวางเงินสต็อกล็อตใหญ่/มัดจำเครื่องมือ แต่รู้กำหนดเงินเข้าชัดเจน
▲ ต้องปรับโครงค่าใช้จ่ายชั่วคราว: เช่น ปรับทีม/ย้ายโรงงาน/ย้ายระบบ ทำให้มีค่าใช้จ่ายก้อนหนึ่งช่วงสั้น
อาการที่ “ไม่ควร” ใช้ระยะสั้นเพียงอย่างเดียว
▲ ปัญหาโครงสร้างยาวนาน เช่น ใช้เงินหมุนเวียน (วงเงินระยะสั้น) ไปปิด “ก้อนลงทุนระยะยาว” อย่างเครื่องจักรอยู่เรื่อย ๆ
▲ ภาระหนี้รวมเกินศักยภาพจริงของธุรกิจ → ควรพิจารณารีแพ็กเกจทั้งพอร์ตหรือ รวมหนี้ธุรกิจ คู่กัน
กุญแจสำคัญคือ รู้วันเงินเข้าที่น่าเชื่อถือ แล้วค่อยเลือกเครื่องมือรีไฟแนนซ์ระยะสั้นให้สอดคล้อง เพื่อคลายค่างวดวันนี้โดยไม่สร้างภาระพรุ่งนี้
เป้าหมายคือ “เบาค่างวด–คุมดอกเบี้ย–ไม่ยืดงวดเกินจำเป็น” เลือกหรือผสมผสานตามบริบทธุรกิจ
วงเงินหมุนเวียน (OD) — วงเงินเบิกเกินบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ/สต็อกหมุน
ใช้เมื่อ: ต้องหมุนสั้น ๆ ระหว่างรอเงินเข้า
หลัก: ตั้งเพดานพอดี (ดูหัวข้อ 3) และวางกติกา “วันเงินเข้า = วันโปะ” เพื่อไม่ให้ดอกสะสม
แฟคตอริ่ง — เปลี่ยนบิลค้างรับเป็นเงินสดบางส่วน (ขายสิทธิเรียกร้องลูกหนี้การค้า)
ใช้เมื่อ: เครดิตเทอมลูกค้ายาว 60–120 วัน
หลัก: เลือกบิลคุณภาพดี (คู่ค้าหลัก) เพื่อต้นทุนแฟคตอริ่งต่ำลง และใช้เฉพาะส่วนที่ต้องเร่งรอบเงิน
ยืดงวดชั่วคราว/พักต้นชั่วคราว
ใช้เมื่อ: มีเดดไลน์ค่าใช้จ่ายแหลมใน 1–3 เดือนข้างหน้า
หลัก: กำหนดกรอบเวลาแน่ชัด (เช่น พักต้น 2 เดือน) และใส่ แผนโปะ หลังช่วงพัก เพื่อไม่ให้อมดอกเบี้ยรวม
รีแพ็กเกจระยะสั้น — ย้ายหนี้บางส่วนไปแพ็กเกจที่ค่างวดเหมาะกว่า
ใช้เมื่อ: ก้อนบางก้อนไม่ตรงงาน เช่น ใช้ OD แทนผ่อนระยะยาวอยู่
หลัก: แยก “ลงทุนระยะยาว” ไปผ่อนรายงวด และคง OD สำหรับค่าใช้จ่ายหมุนจริง
วงเงินตามฤดูกาล — โครงสร้างงวดที่ยืดหยุ่นตามรอบขาย
ใช้เมื่อ: มี “พีค–โลว์ซีซัน” ชัดเจน
หลัก: ขอแบบงวดหนักช่วงพีค/เบาช่วงโลว์ พร้อมแผนโปะช่วงพีค
เครื่องมือทั้งหมดนี้อยู่ใต้กลยุทธ์เดียวกัน: คลายแรงกด วันนี้ โดยไม่ผลักดันต้นทุน ทั้งสัญญา ให้สูงขึ้นอย่างถาวร
การตั้งเพดานที่ดีช่วยไม่ให้พอร์ตบานหยวนและควบคุมดอกเบี้ยสะสมได้ง่าย
สูตรเพดานคร่าว ๆ สำหรับ OD (เริ่มต้นใช้งาน)
▲ 1–1.5 เท่า ของ ค่าใช้จ่ายคงที่เฉลี่ย/เดือน (เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคที่เกิดซ้ำ)
▲ บวก สำรอง 10–20% สำหรับเหตุไม่คาดคิดระยะสั้น
ตัวอย่าง: ค่าใช้จ่ายคงที่ 800,000 บาท/เดือน → เพดาน OD เริ่ม 800,000–1,200,000 บาท + สำรอง 80,000–160,000 บาท
กติกาใช้งาน OD เพื่อคุมดอกสะสม
▲ วันเงินเข้า = วันโปะ (อย่างน้อยโปะส่วนเกินจากงบประมาณ)
▲ ไม่ใช้ OD ไปทดแทน ก้อนลงทุนระยะยาว เช่น เครื่องจักร รถ หรือโปรเจกต์ที่ยืดเยื้อ
▲ ตั้ง “สัญญาณเตือน” ว่าถ้า OD คงค้างเกิน X% ของเพดานต่อเนื่องเกิน Y วัน ต้องทบทวนโครงสร้างทันที (อาจรีแพ็กเกจ/เพิ่มแฟคตอริ่ง)
แฟคตอริ่งใช้อย่างไรให้คุ้ม
▲ เลือกเฉพาะ บิลคุณภาพดี จากคู่ค้าหลักเพื่อลดต้นทุน
▲ ใช้ บางส่วน ของพอร์ตลูกหนี้ ไม่ต้องทุกบิล เพื่อกระจายต้นทุน
▲ วาง ตารางโปะ สอดรับกับวันรับเงินจากแฟคตอริ่ง ลดการค้างดอกเบี้ยฝั่งอื่น
ยืดงวด/พักต้นแบบมีวินัย
▲ กำหนดกรอบชัดเจน (เช่น พัก 2 เดือน) พร้อมตารางโปะชดเชยหลังช่วงพัก
▲ ต่อรองค่าปรับ “ปิดก่อนกำหนด” ให้ยืดหยุ่น หากเราตั้งใจโปะไว
ตัวเลขสมมติ ใช้เพื่อสาธิตการตัดสินใจ (ไม่ใช่ข้อเสนอจริง)
เคส A: เครดิตเทอมลูกค้ายาว—หมุนไม่ทัน
บริบท: ยอดขายดี แต่ลูกค้าชำระ 90 วัน ทำให้ต้องสำรองค่าแรงและสต็อก
แนวทาง:
ตั้งเพดาน OD ที่ 1.2× ค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน + สำรอง 15%
ใช้ แฟคตอริ่ง บางส่วนกับลูกค้าหลัก 2–3 ราย เพื่อตัดรอบเงินสด
วาง กติกา “วันเงินเข้า = วันโปะ OD” อัตโนมัติ
ผลที่คาดหวัง: ค่างวดฝั่งหนี้ระยะยาวไม่พองขึ้น เงินสดหมุนเร็วขึ้น ดอกสะสมใน OD ลดลงต่อเนื่อง
เคส B: โปรเจกต์ใหญ่ทำให้ค่างวดชนช่วงเงินตึง
บริบท: มีโปรเจกต์ลงทุนซ้อนกับงวดผ่อนหนัก 3 เดือนข้างหน้า
แนวทาง:
ขอ ยืดงวดชั่วคราว/พักต้น 2–3 เดือน โดยล็อกตารางโปะหลังปิดโปรเจกต์
ตกลงเพดาน “ดอกเบี้ยรวมเพิ่มได้ไม่เกิน X บาท” และเงื่อนไข ปิดก่อนกำหนด ที่เป็นธรรม
ถ้าใช้ OD เพิ่ม ให้ผูกกติกาโปะทันทีเมื่อใบแจ้งหนี้โปรเจกต์ถูกชำระ
ผลที่คาดหวัง: ผ่านคอขวดได้โดยไม่ทำให้มูลค่ารวมบาน และดึงเงินสดกลับเร็วหลังโปรเจกต์เสร็จ
บทเรียนคือ รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบระยะสั้นต้องเชื่อมกับ “เหตุการณ์เงินเข้า” ที่จับต้องได้ และต้องประกบด้วย แผนโปะ ทุกครั้ง
ขั้นที่ 1: ระบุอาการและระยะเวลาเงินตึง
กำหนดชัดว่าเงินตึงกี่สัปดาห์/เดือน และวันเงินเข้าที่คาดหมายคือเมื่อไร
ขั้นที่ 2: เลือกเครื่องมือหลัก–รอง
ตัดสินใจว่าจะใช้ OD/แฟคตอริ่ง/ยืดงวดชั่วคราว อะไรเป็นหลัก อะไรเป็นรอง และใช้นานเท่าไร
ขั้นที่ 3: คำนวณเพดานและต้นทุน
ตั้งเพดาน OD ตามสูตรเริ่มต้น ปรับตามประสบการณ์จริง และคำนวณต้นทุนแฟคตอริ่ง/ค่าธรรมเนียมยืดงวด
ขั้นที่ 4: วางกติกาโปะเป็นลายลักษณ์อักษร
เช่น โปะ X% เมื่อเก็บหนี้การค้าได้ โปะขั้นต่ำรายไตรมาสเท่ากับส่วนประหยัดดอกเบี้ยสะสม เป็นต้น
ขั้นที่ 5: เตรียมเอกสาร
▲ งบย่อ + เงินเข้า–ออกย้อนหลัง 6–12 เดือน
▲ รายการเดินบัญชี (Bank Statement) 6–12 เดือน
▲ รายการลูกหนี้การค้า (อายุหนี้/คู่ค้าหลัก) สำหรับแฟคตอริ่ง
▲ ข้อมูลสัญญาหนี้เดิม + เงื่อนไขปิดก่อนกำหนด
▲ ปฏิทินกระแสเงินสด 3–6 เดือนข้างหน้า (ระบุวันเงินเข้า)
ขั้นที่ 6: ขอข้อเสนอ 2–3 แห่ง
เจรจา ค่าธรรมเนียม/อัตรา/เพดาน/พักต้น โดยตั้งเพดาน “จุดคุ้มทุนต้องไม่เกิน X เดือน” และ “ดอกเบี้ยรวมเพิ่มไม่เกิน Y บาท”
ขั้นที่ 7: ลงมือและติดตามผลรายเดือน
ตรวจ 3 ตัวชี้วัด: เงินสดคงเหลือปลายเดือน, สัดส่วนค่างวด/รายได้, และความคืบหน้า แผนโปะ หากไม่เป็นไปตามแผนให้ทบทวนเครื่องมือทันที
หัวใจคือ “ชั่วคราวแต่มีวินัย” ใช้เครื่องมือเท่าที่จำเป็น รู้วันเงินเข้า และยึดกติกาโปะให้เคร่งครัด เมื่อทำได้ตามนี้ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ แบบระยะสั้นจะกลายเป็นสะพานที่พาธุรกิจข้ามคอขวดได้จริง โดยไม่ทิ้งรอยแผลในมูลค่ารวมระยะยาว
• รีไฟแนนซ์ธุรกิจคืออะไร? — ความหมาย ขั้นตอน เอกสาร ค่าใช้จ่ายที่พบบ่อย
• คุ้มไหมถ้าจะย้ายหนี้ — วิธีคิดเลขจุดคุ้มทุนแบบง่าย ๆ
• เพลย์บุ๊ก ลดดอกเบี้ย — แนวทางต่อรอง เปลี่ยนฐานดอกเบี้ย ยืดงวดเท่าที่จำเป็น
• รวมหนี้ธุรกิจหลายก้อน — รวมเป็นก้อนเดียวให้ง่ายขึ้นและลดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน
• รีไฟแนนซ์ระยะสั้น — คลายค่างวดเฉพาะช่วงที่เงินตึง
• สำหรับโรงงาน/การผลิต — จับคู่สินเชื่อให้ “ทันรอบเงินสด”
กลับหน้าแม่: รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ