การบริหารต้นทุนทางการเงินเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน การรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาเพื่อลดภาระดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ และเสริมสภาพคล่องให้กับกิจการ
บทความนี้จะแนะนำประเภทของสินเชื่อธุรกิจที่ "ควร" พิจารณารีไฟแนนซ์เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการประเมินความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหากท่านสนใจรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ
สินเชื่อประเภทนี้มักเป็นตัวเลือกแรกที่ควรพิจารณารีไฟแนนซ์ โดยเฉพาะสินเชื่อระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนมักมีอัตราดอกเบี้ยสูงเนื่องจากเป็นสินเชื่อระยะสั้นที่ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า หากธุรกิจของคุณใช้สินเชื่อประเภทนี้มาระยะหนึ่งและมีประวัติการชำระที่ดี การรีไฟแนนซ์ไปเป็นสินเชื่อระยะยาว (Term Loan) จะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยได้อย่างมีนัยสำคัญ
วงเงิน OD เป็นสินเชื่อที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเช่นกัน โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 10-20% ต่อปี หากธุรกิจของคุณใช้วงเงิน OD เต็มจำนวนเป็นระยะเวลานาน การรีไฟแนนซ์เป็น Term Loan ที่มีดอกเบี้ยคงที่ประมาณ 6-7% จะช่วยประหยัดต้นทุนทางการเงินได้มาก
ตัวอย่างการประหยัดดอกเบี้ย:
วงเงิน OD 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 13% = ค่าดอกเบี้ย 130,000 บาทต่อปี
รีไฟแนนซ์เป็น Term Loan ดอกเบี้ยคงที่ 6.5% = ค่าดอกเบี้ย 65,000 บาทต่อปี
ประหยัดได้: 65,000 บาทต่อปี หรือคิดเป็น 50% ของค่าดอกเบี้ยเดิม
สถาบันการเงินมักเสนอโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษในช่วงแรกเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
สินเชื่อประเภทนี้มักมีดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 1-3 ปีแรก เช่น 3-5% แต่หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มเป็น 8-10% หรือสูงกว่า การติดตามระยะเวลาของโปรโมชั่นและวางแผนรีไฟแนนซ์ล่วงหน้าก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถ "ล็อกดอกเบี้ยใหม่" ที่ต่ำกว่าได้
สินเชื่อที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เช่น MLR, MRR หรือ THOR มีความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาด หากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น การรีไฟแนนซ์เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การวางแผนทางการเงินมีความแน่นอนมากขึ้น
ตัวอย่างการประหยัดดอกเบี้ย:
สินเชื่อ 5 ล้านบาท โปรโมชั่นปีแรก 4% ปีที่ 2 เป็นต้นไป 9%
ปีที่ 1: ดอกเบี้ย 200,000 บาท
ปีที่ 2-5: ดอกเบี้ยปีละ 450,000 บาท (รวม 1,800,000 บาท)
หากรีไฟแนนซ์เป็นดอกเบี้ยคงที่ 6% ตั้งแต่ปีที่ 2: ดอกเบี้ยปีละ 300,000 บาท (รวม 1,200,000 บาท)
ประหยัดได้: 600,000 บาทตลอดอายุสัญญาที่เหลือ
สินเชื่อระยะยาวที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระเหลืออยู่มาก เช่น สินเชื่อสร้างโรงงาน หรือซื้อเครื่องจักร ที่ยังเหลือระยะเวลาผ่อน 5 ปีขึ้นไป มีโอกาสประหยัดดอกเบี้ยได้มากหากรีไฟแนนซ์ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง
สินเชื่อประเภทนี้มักมีวงเงินสูงและระยะเวลาผ่อนชำระนาน 7-10 ปี หรือมากกว่า การลดอัตราดอกเบี้ยแม้เพียง 1-2% จะส่งผลให้ประหยัดดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมากเมื่อคำนวณตลอดอายุสัญญาที่เหลือ
สินเชื่อเพื่อซื้อเครื่องจักรมักมีระยะเวลาผ่อนชำระ 3-7 ปี หากคุณได้รับสินเชื่อในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูง และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างการประหยัดดอกเบี้ย:
สินเชื่อสร้างโรงงาน 20 ล้านบาท ดอกเบี้ย 8% ระยะเวลาคงเหลือ 7 ปี
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะเวลาที่เหลือ:ประมาณ 6.4 ล้านบาท
รีไฟแนนซ์เป็นดอกเบี้ย 6%: ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายประมาณ 4.8 ล้านบาท
ประหยัดได้: 1.6 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 7 ปี
หากธุรกิจของคุณกำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง และภาระการผ่อนชำระในปัจจุบันสูงเกินกว่าความสามารถในการชำระ การรีไฟแนนซ์เพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนชำระอาจเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาปัญหาในระยะสั้น
การรีไฟแนนซ์เพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนชำระจะช่วยลดค่างวดต่อเดือน แม้ว่าในระยะยาวอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยเสริมสภาพคล่องในระยะสั้นและป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต
หากธุรกิจของคุณมีสินเชื่อหลายประเภทกับหลายสถาบันการเงิน การรวมหนี้ผ่านการรีไฟแนนซ์จะช่วยให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น และอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงโดยรวม
ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้:
สินเชื่อ 3 ล้านบาท ผ่อน 3 ปี ค่างวดเดือนละ 95,000 บาท
รีไฟแนนซ์ขยายเป็น 5 ปี: ค่างวดลดลงเหลือประมาณ 60,000 บาท
ลดภาระรายเดือน: 35,000 บาท หรือลดลง 37%
สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันมักมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักประกัน หากธุรกิจของคุณเริ่มต้นด้วยสินเชื่อไม่มีหลักประกัน และปัจจุบันมีทรัพย์สินที่สามารถนำมาเป็นหลักประกันได้ การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้อย่างมาก
การนำที่ดิน อาคาร หรือโรงงานมาเป็นหลักประกันจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน ส่งผลให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปอัตราดอกเบี้ยจะลดลงประมาณ 3-6% เมื่อเทียบกับสินเชื่อไม่มีหลักประกัน
นอกจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว เครื่องจักร อุปกรณ์ หรือยานพาหนะที่ใช้ในธุรกิจก็สามารถนำมาเป็นหลักประกันเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน
ตัวอย่างการประหยัดดอกเบี้ย:
สินเชื่อ SME ไม่มีหลักประกัน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 12% = ค่าดอกเบี้ย 240,000 บาทต่อปี
รีไฟแนนซ์โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน ดอกเบี้ย 6.5% = ค่าดอกเบี้ย 130,000 บาทต่อปี
ประหยัดได้: 110,000 บาทต่อปี หรือคิดเป็น 46% ของค่าดอกเบี้ยเดิม
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์จะมีประโยชน์ในหลายกรณี แต่ก็มีสถานการณ์ที่การรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่า ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
หากสินเชื่อของคุณเหลือระยะเวลาการผ่อนชำระไม่ถึง 1 ปี ค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์อาจสูงกว่าดอกเบี้ยที่จะประหยัดได้ ทำให้การรีไฟแนนซ์ไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์
บางสถาบันการเงินอาจคิดค่าปรับการปิดสินเชื่อก่อนกำหนด (Prepayment Penalty) สูงถึง 2-3% ของยอดสินเชื่อคงเหลือ ซึ่งอาจทำให้ประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
หากคุณได้รับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำมากอยู่แล้ว เช่น สินเชื่อจากโครงการพิเศษของรัฐบาลหรือสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ การรีไฟแนนซ์อาจไม่ได้ประโยชน์เพิ่มเติม
การตัดสินใจรีไฟแนนซ์ควรผ่านการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอัตราดอกเบี้ยใหม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ โดยคำนึงถึงทั้งอัตราดอกเบี้ยในช่วงโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยปกติหลังจากนั้น
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์อาจรวมถึง:
ค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์
ค่าจดจำนอง
ค่าประเมินหลักประกัน
ค่าปรับการปิดสินเชื่อก่อนกำหนด
ยิ่งระยะเวลาที่เหลือของสินเชื่อเดิมมาก การประหยัดจากการรีไฟแนนซ์ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย เนื่องจากผลประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะสะสมเป็นระยะเวลานาน
ประวัติเครดิตที่ดีจะช่วยให้ได้รับข้อเสนอรีไฟแนนซ์ที่ดีกว่า ควรตรวจสอบรายงานเครดิตบูโรก่อนยื่นขอรีไฟแนนซ์ และแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (ถ้ามี)
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในการลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะในกรณีของสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง สินเชื่อที่ใกล้หมดโปรโมชั่น สินเชื่อระยะยาวที่ยังผ่อนอีกหลายปี สินเชื่อที่มีภาระการผ่อนเกินกำลัง และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันแต่ปัจจุบันมีทรัพย์พร้อมค้ำประกัน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรีไฟแนนซ์ควรผ่านการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยพิจารณาทั้งประโยชน์ที่จะได้รับและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าการรีไฟแนนซ์จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง
หากคุณกำลังพิจารณารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ เราพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์และโปรโมชั่นพิเศษที่มีอยู่ในขณะนี้
#สินเชื่อรีไฟแนนซ์ #สินเชื่อธุรกิจ #แหล่งเงินทุน #สินเชื่ออนุมัติง่าย #สินเชื่ออนุมัติไว #ลดดอกเบี้ย #ปรับโครงสร้างหนี้