วิเคราะห์ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยนโยบายและกฎ Responsible Lending ต่อสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ พร้อมแนวทางรับมือสำหรับผู้ประกอบการ
ปี 2568 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนทางการเงินและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน
บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบายล่าสุดของ ธปท. ที่มีต่อสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน พร้อมนำเสนอแนวทางรับมือที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในช่วงเวลานี้
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ไปจนถึงต้นปี 2569
การลดดอกเบี้ยนโยบายส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ประกอบการ SME ดังนี้:
ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง: สินเชื่อที่อิงกับอัตราดอกเบี้ย MLR, MRR หรือ MOR จะมีแนวโน้มปรับลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการลดลง
สภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น: การผ่อนคลายนโยบายการเงินช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ทำให้ธนาคารมีเงินทุนมากขึ้นสำหรับการปล่อยสินเชื่อ
เงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่ออาจผ่อนคลาย: ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำ ธนาคารมีแนวโน้มที่จะแข่งขันกันมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายเงื่อนไขบางประการ
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรตระหนักว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้หมายความว่าการเข้าถึงสินเชื่อจะง่ายขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากธนาคารยังคงต้องพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆ ประกอบด้วย
ธปท. ได้ออก "หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ" ฉบับใหม่สำหรับปี 2568 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากกรอบหลักเกณฑ์ปี 2567 โดยมุ่งเน้นการดูแลลูกหนี้ตลอดทั้งวงจรสินเชื่อ ตั้งแต่การเสนอผลิตภัณฑ์ การจัดโครงสร้างหนี้ ไปจนถึงการติดตามหลังการปล่อยกู้
การประเมินความสามารถในการชำระหนี้ที่เข้มงวดขึ้น: ธนาคารต้องประเมินความสามารถในการชำระหนี้ (Affordability) ของผู้ขอสินเชื่ออย่างรอบด้าน โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดจริงของธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขายหรือรายได้
การเสนอทางเลือกที่เหมาะสม: สถาบันการเงินต้องเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการรีไฟแนนซ์
การติดตามและดูแลหลังการปล่อยสินเชื่อ: ธนาคารต้องมีระบบติดตามและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่เริ่มมีสัญญาณของปัญหาในการชำระหนี้
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หลักเกณฑ์ใหม่นี้มีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง:
ข้อดี:
ได้รับการพิจารณาที่เป็นธรรมมากขึ้น โดยเน้นที่ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด
มีโอกาสได้รับคำแนะนำและทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินจริง
มีกลไกคุ้มครองจากการถูกเสนอสินเชื่อที่ไม่เหมาะสมหรือมีต้นทุนสูงเกินไป
ข้อควรระวัง:
การพิจารณาอนุมัติอาจใช้เวลานานขึ้นเนื่องจากต้องประเมินความสามารถในการชำระหนี้อย่างละเอียด
ธุรกิจที่มีกระแสเงินสดไม่สม่ำเสมอหรือไม่มีการจัดทำบัญชีที่เป็นระบบอาจเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น
อาจต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินมากขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณา
ในปี 2568 บสย. ได้เดินหน้าโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 (PGS11) ภายใต้ชื่อ "SMEs ยั่งยืน" และมีการขยายวงเงินค้ำประกันเพิ่มเติมในช่วงกลางปี 2568 เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME
โครงการ PGS11 "SMEs ยั่งยืน":
วงเงินค้ำประกันรวม 50,000 ล้านบาท
ค้ำประกันสูงสุดรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท
ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี
อัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกันเฉลี่ย 1.75% ต่อปี (มีโปรโมชันพิเศษในบางช่วงเวลา)
โครงการค้ำประกันสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย:
เน้นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
วงเงินค้ำประกันไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย
มีการสนับสนุนค่าธรรมเนียมค้ำประกันบางส่วนจากภาครัฐ
โครงการค้ำประกันเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม:
มีโครงการเฉพาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจเกษตร หรือธุรกิจสีเขียว
มีเงื่อนไขพิเศษและอัตราค่าธรรมเนียมที่จูงใจ
เพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อสำหรับธุรกิจที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ลดภาระในการหาหลักประกันเพิ่มเติม
ได้รับวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อโดยไม่มีการค้ำประกัน
บางโครงการมีการสนับสนุนค่าธรรมเนียมค้ำประกันจากภาครัฐ ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง
เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ประกอบการควรดำเนินการดังต่อไปนี้:
ธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio: DSCR) ที่ระดับ 1.2-1.3 เท่าขึ้นไป ผู้ประกอบการควร:
คำนวณ DSCR ของธุรกิจโดยนำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) หารด้วยภาระการชำระหนี้รวมต่อปี
รวมภาระหนี้ทุกวงเงินทั้งที่มีอยู่เดิมและที่กำลังจะขอเพิ่ม
หาก DSCR ต่ำกว่า 1.2 ควรพิจารณาปรับแผนธุรกิจหรือลดวงเงินที่ขอ
ควรใช้วงเงิน OD เฉลี่ยไม่เกิน 70% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
กำหนดวันที่มีเงินเข้าบัญชีให้ตรงกับวันที่จะนำไปชำระยอด OD เพื่อลดภาระดอกเบี้ย
หลีกเลี่ยงการใช้วงเงิน OD เต็มวงเงินเป็นเวลานาน เพราะอาจส่งผลเสียต่อประวัติการชำระหนี้
จัดทำแฟ้มข้อมูลการขายจากระบบ POS หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
ตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อมูลการขาย สเตทเมนต์บัญชีธนาคาร และรายงานภาษี/งบการเงิน
หากมีความแตกต่าง ควรเตรียมคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
สำหรับธุรกิจที่มีข้อจำกัดด้านหลักทรัพย์ค้ำประกัน:
สอบถามรายละเอียดโครงการค้ำประกันจากภาครัฐหรือ บสย. โดยเฉพาะเกณฑ์การคำนวณค่าธรรมเนียมค้ำประกัน
เปรียบเทียบต้นทุนรวมระหว่างการใช้บริการค้ำประกันกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน
พิจารณาโปรโมชันพิเศษของแต่ละธนาคารที่อาจมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมหรือเงื่อนไขพิเศษ
จัดทำแผนธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดในอนาคต
ระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินกู้อย่างชัดเจน
แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนและระยะเวลาคืนทุน
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบของ ธปท. สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง แต่การพิจารณาสินเชื่อจะเน้นที่ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดและการชำระหนี้มากขึ้น ผู้ประกอบการที่มีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดี มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตจะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
โครงการค้ำประกันจาก บสย. ยังคงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ผู้ประกอบการควรพิจารณาต้นทุนและผลประโยชน์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า การจัดทำเอกสารทางการเงินที่ถูกต้องและสอดคล้องกัน รวมถึงการวางแผนธุรกิจที่ชัดเจนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อและการได้รับเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว
หากคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับสินเชื่อธุรกิจ SME หรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลล่าสุดและบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจ
"ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย" - ธนาคารแห่งประเทศไทย - https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Pages/default.aspx
"หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ" - ธนาคารแห่งประเทศไทย - https://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/Highlights/Pages/ResponsibleLending.aspx
"โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11" - บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม - https://www.tcg.or.th/products.php
#สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อSME #ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #สินเชื่ออนุมัติง่าย #สินเชื่ออนุมัติไว #แหล่งเงินทุน #ธปท #บสย #ResponsibleLending