ปี 2568 ทั้งปัญหาด่านเขมร และภาษีสหรัฐฉุดดัชนีความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรมไทยลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ต้องแบกรับต้นทุนขนส่งที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค และปัญหาด้านโลจิสติกส์ที่ยังไม่คลี่คลาย
มีการประเมินว่าไตรมาสหลังส่งออกอาจหดตัวลึกถึง ‑10% และภาพรวมปีอาจย่อตัว เนื่องจากต้นทุนและปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายภาษี สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหากท่านสนใจสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568
ในช่วงปี 2568 ผู้ประกอบการส่งออกของไทยต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนขนส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านราคาน้ำมัน ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในบางเส้นทาง ส่งผลให้กลุ่มสินค้าบางประเภทได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ ได้แก่:
สินค้าเหล่านี้ต้องควบคุมอุณหภูมิขณะขนส่ง และมีระยะเวลาจำกัดในการจัดเก็บ
การที่ต้นทุนขนส่งเย็น (cold chain) สูงขึ้น 15–20% ในบางเส้นทาง เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ทำให้กำไรหดตัว
ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่ารายใหญ่
ไทยเป็นผู้ส่งออกยางรายสำคัญของโลก แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนขนส่งต่อหน่วยเพิ่ม
ตลาดหลัก เช่น จีน และอินเดีย ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กดดันราคาขาย
ค่าเงินบาทผันผวนส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีนัย
สินค้ากลุ่มนี้อ่อนไหวต่อเวลาและต้นทุนโลจิสติกส์
ความต้องการจากตลาดหลักในยุโรปและสหรัฐฯ ชะลอตัวจากอัตราดอกเบี้ยสูง
คู่แข่งจากเวียดนามและอินโดนีเซียมีความได้เปรียบด้านโครงสร้างต้นทุน
💡 ข้อคิดเห็นในฐานะที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ:
กลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่มีกำลังการผลิตและการตลาดดี แต่ขาดสภาพคล่องเฉียบพลันในช่วงส่งออก หากไม่มีแหล่งเงินทุนระยะสั้น เช่น สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ อาจเสียโอกาสการเติบโตไป
ต้นทุนโลจิสติกส์ที่พุ่งสูงส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ SME ในหลายมิติ:
ต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นทำให้กำไรต่อหน่วยลดลงทันที โดยเฉพาะสินค้าที่มีมาร์จิ้นไม่สูงมาก จากการสำรวจของสมาคมผู้ประกอบการ SME ไทย พบว่าต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้น 15% ส่งผลให้กำไรสุทธิของธุรกิจลดลงเฉลี่ย 3-5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ผู้ประกอบการ SME มักมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้าได้ทั้งหมด ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศที่มีต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำกว่า เช่น จีนหรือเวียดนาม
การที่ต้องจ่ายค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องการเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อรักษาระดับการผลิตและการส่งออก ในขณะที่รายได้อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกัน
สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ คือ บริการทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพย์สินมีมูลค่าสูง เช่น ที่ดินหรืออาคาร มาค้ำประกัน
ในปี 2568 สถาบันการเงินหลายแห่งได้ปรับเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อประเภทนี้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ส่งออก โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น
สินเชื่อเพื่อการส่งออก (Export Financing) - วงเงินสินเชื่อที่ให้ตามมูลค่าการส่งออก มักอ้างอิงจากเอกสารการส่งออก เช่น L/C หรือ Purchase Order
สินเชื่อหมุนเวียนธุรกิจ (Working Capital Loan) - วงเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่อง
แฟคตอริ่ง (Factoring) - การขายลดลูกหนี้การค้าต่างประเทศเพื่อรับเงินก่อนครบกำหนดชำระ
สินเชื่อค้ำประกันโดย บสย. - สินเชื่อที่มีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกัน
ความรวดเร็วในการอนุมัติ - ใช้เวลาพิจารณาน้อยกว่าสินเชื่อที่ต้องประเมินหลักทรัพย์
ไม่ต้องนำทรัพย์สินมาจำนอง - ลดความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สินหากธุรกิจประสบปัญหา
วงเงินเติบโตตามธุรกิจ - หลายสถาบันการเงินพร้อมเพิ่มวงเงินตามประวัติการใช้สินเชื่อและการเติบโตของธุรกิจ
เงื่อนไขยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจส่งออก - มีการออกแบบเงื่อนไขให้สอดคล้องกับรอบธุรกิจการส่งออก
ในปี 2568 สถาบันการเงินมีแนวโน้มพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ให้กับผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
ธนาคารและสถาบันการเงินให้ความสำคัญกับหลักฐานที่แสดงถึงรายได้ในอนาคตอย่างชัดเจน เช่น:
เลตเตอร์ออฟเครดิต (L/C) จากผู้ซื้อต่างประเทศ
คำสั่งซื้อ (Purchase Order) ที่มีรายละเอียดชัดเจน
สัญญาซื้อขายระยะยาวกับคู่ค้าต่างประเทศ
ใบขนสินค้าขาออกย้อนหลังที่แสดงประวัติการส่งออกสม่ำเสมอ
สถาบันการเงินจะพิจารณาจาก:
ประวัติการชำระหนี้ที่ดีกับสถาบันการเงินอื่น
Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6-12 เดือนที่แสดงกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
ไม่มีประวัติเช็คคืนหรือผิดนัดชำระหนี้
มีการทำธุรกรรมผ่านระบบธนาคารอย่างสม่ำเสมอ
เอกสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติ:
งบการเงินย้อนหลัง 2-3 ปีที่ผ่านการรับรองโดยผู้ตรวจสอบบัญชี
แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) ย้อนหลัง
ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) และรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม
เอกสารจดทะเบียนธุรกิจที่มีอายุการดำเนินงานอย่างน้อย 2 ปี
ผู้ประกอบการที่สามารถนำเสนอแผนธุรกิจและแผนการใช้เงินทุนที่ชัดเจนมีโอกาสได้รับการอนุมัติสูงกว่า โดยควรระบุ:
วัตถุประสงค์การใช้เงินกู้ที่ชัดเจน เช่น เพื่อจ่ายค่าขนส่งสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
ประมาณการรายได้และกำไรหลังจากได้รับสินเชื่อ
แผนการชำระคืนเงินกู้ที่สอดคล้องกับรอบธุรกิจส่งออก
กรณี นโยบายสนับสนุน SME ไม่มีหลักทรัพย์ ปี 2568 มีรายงานจาก ธปท. ระบุว่ามาตรการสินเชื่อผ่อนคลาย เพิ่มความยืดหยุ่นให้พิจารณาศักยภาพธุรกิจและกระแสเงินสดมากขึ้นแทนการค้ำประกัน
บสย. ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ SME กว่า 100,000 ล้านบาทในปี 2568 เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น
สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ในปี 2568 เป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ประกอบการส่งออกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น แม้จะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ผู้ประกอบการที่มีประวัติทางการเงินที่ดี มีเอกสารการส่งออกชัดเจน และมีแผนธุรกิจที่มั่นคง ก็มีโอกาสสูงในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
การเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านเอกสาร การวางแผนธุรกิจ และการเลือกสถาบันการเงินที่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็นเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ในท้ายที่สุด สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ไม่ใช่เพียงเครื่องมือแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีและความสัมพันธ์กับสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจส่งออกของคุณ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลล่าสุดและบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจ
#สินเชื่อSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ #ธุรกิจส่งออก #สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก #สินเชื่ออนุมัติง่าย #ต้นทุนขนส่ง #SMEไทย