รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบอ่านง่าย—ลดดอกเบี้ย จัดโครงสร้างหนี้ รวมหนี้หรือยืดงวดอย่างพอดี เลือกทางที่เหมาะกับกิจการของคุณ
รีไฟแนนซ์คือการ “ย้ายหนี้เดิม” ไปสู่สัญญาใหม่ที่เงื่อนไขดีกว่า เช่น ดอกเบี้ยต่ำลง ค่างวดเบาขึ้น วงเงินเหมาะกับการใช้จริง หรือเปลี่ยน “ชนิดสินเชื่อ” ให้เข้ากับรูปแบบธุรกิจ (เช่น แยกก้อนลงทุนเครื่องจักรไปเป็นเช่าซื้อ/ผ่อนรายงวด และคงวงเงินหมุนเวียนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายประจำ) จุดสำคัญคือไม่ได้กู้เพิ่มโดยไม่มีแผน แต่คือการ “จัดบ้านการเงิน” ให้สอดคล้องสภาพธุรกิจปัจจุบัน
▲ ดอกเบี้ยรวมและค่างวดเริ่มกดดันกระแสเงินสด
 ▲ มีหนี้หลายก้อน กระจัดกระจาย คุมยาก สิ้นเปลืองค่าธรรมเนียม
 ▲ โครงสร้างหนี้ไม่เข้ากับการใช้เงินจริง (เช่น ใช้ OD ทั้งที่ค่าใช้จ่ายเป็นก้อนยาว)
 ▲ ต้องเพิ่มวงเงินเพื่อเติบโต แต่เงื่อนไขเดิมไปต่อยาก
 ▲ ตลาดมีข้อเสนอใหม่ที่คุ้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ค่าใช้จ่ายย้าย มีจริง (ค่าประเมิน ค่าธรรมเนียม ค่าปรับปิดก่อนกำหนด) ควรรวมเป็นก้อนเดียวแล้วเทียบกับประโยชน์ที่ได้
 ค่างวดลด ≠ ดอกเบี้ยรวมลดเสมอ ถ้ายืดงวดนานไป ดอกเบี้ยรวมอาจสูงขึ้น จึงต้องมอง “ยอดรวมตลอดสัญญา”
 เป้าหมายชัดช่วยให้คุ้ม ลดดอกเบี้ย? เพิ่มวงเงิน? เปลี่ยนชนิดสินเชื่อ? เมื่อชัด การเจรจาจะง่ายและตรงจุด
• รีไฟแนนซ์ธุรกิจคืออะไร? — ความหมาย ขั้นตอน เอกสาร ค่าใช้จ่ายที่พบบ่อย
 • คุ้มไหมถ้าจะย้ายหนี้ — วิธีคิดเลขจุดคุ้มทุนแบบง่าย ๆ
 • เพลย์บุ๊ก ลดดอกเบี้ย — แนวทางต่อรอง เปลี่ยนฐานดอกเบี้ย ยืดงวดเท่าที่จำเป็น
 • รวมหนี้ธุรกิจหลายก้อน — รวมเป็นก้อนเดียวให้ง่ายขึ้นและลดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน
 • รีไฟแนนซ์ระยะสั้น — คลายค่างวดเฉพาะช่วงที่เงินตึง
 • สำหรับโรงงาน/การผลิต — จับคู่สินเชื่อให้ “ทันรอบเงินสด”
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน แต่มีกลุ่มผู้ประกอบการที่อาจได้รับประโยชน์จากกรณีนี้ได้แก่
ธุรกิจที่มีภาระดอกเบี้ยสูง หากคุณกำลังจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าอัตราตลาดปัจจุบัน การรีไฟแนนซ์อาจช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้
ธุรกิจที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยรวมหนี้หลายก้อนเข้าด้วยกัน ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น
ธุรกิจที่มีกระแสเงินสดดีขึ้น หากธุรกิจของคุณมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าตอนที่กู้ยืมครั้งแรก คุณอาจได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม
ธุรกิจที่ต้องการเงินทุนเพิ่ม การรีไฟแนนซ์อาจเปิดโอกาสให้คุณกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจได้
เพื่อให้ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ตอบโจทย์ ลองคำนวณคร่าว ๆ ก่อน
 ▲ รวมค่าใช้จ่ายย้ายทั้งหมดเป็นก้อนเดียว (ค่าประเมิน/ค่าธรรมเนียม/ค่าปรับปิดสัญญาเดิม)
 ▲ ประเมิน “เงินที่ประหยัดได้ต่อเดือน” จากดอกเบี้ยใหม่เทียบเดิม
 ▲ จุดคุ้มทุน = ค่าใช้จ่ายย้าย ÷ เงินที่ประหยัดต่อเดือน (กี่เดือนจึงเริ่มได้ประโยชน์จริง)
 ▲ ตรวจ DSCR (อัตราความสามารถชำระหนี้ = เงินสดจากธุรกิจ ÷ ภาระหนี้ต่อปี) ให้ “ไม่ลดลง” หลังรีไฟแนนซ์
 เคล็ดลับ: อย่าดูแค่ค่างวด ให้ดู “ยอดรวมตลอดสัญญา” และความยืดหยุ่นของกระแสเงินสดร่วมด้วย
การรีไฟแนนซ์ช่วยลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาผ่อน รวมหนี้ หรือปรับโครงสร้างงวดให้เหมาะกับกระแสเงินสดของกิจการ ผู้สมัครมักต้องมีเงื่อนไขต่อไปนี้
ประวัติการชำระดีต่อเนื่อง: ไม่ค้างชำระเกิน 30 วันในช่วง 6–12 เดือนล่าสุด และไม่มีสถานะผิดนัดร้ายแรง
กระแสเงินสดพอรับค่างวดใหม่: ธุรกิจมีรายได้สม่ำเสมอ ค่างวดหลังรีไฟฯ เหมาะกับกำไรขั้นต้น (บางสถาบันดู “ความสามารถชำระหนี้” — DSCR หากใช้ ตัวเลขที่มักพบคือประมาณ ≥ 1.2)
อายุธุรกิจและหลักฐานรายได้ชัดเจน: ดำเนินงานมาอย่างน้อย 6–12 เดือน พร้อมสเตทเมนต์ งบ/แบบ ภ.พ., ภ.ง.ด. หรือหลักฐานยอดขายอื่น ๆ
วัตถุประสงค์ชัดเจน: ลดดอก/ค่าธรรมเนียม, รวมหนี้ให้เหลือเจ้าเดียว, เพิ่มสภาพคล่องเพื่อวงเงินหมุนเวียน หรือรองรับการลงทุน (เครื่องจักร/สาขา)
หลักประกันและสัดส่วนหนี้เหมาะสม (ถ้ามี): มูลค่าทรัพย์ค้ำเพียงพอเมื่อเทียบกับยอดรีไฟแนนซ์ เงื่อนไข LTV ของสถาบันการเงินผ่านเกณฑ์
เอกสารครบถ้วน: สัญญาและประวัติชำระเดิม ใบเสนออัตราใหม่ รายการหนี้คงเหลือ เอกสารกรรมสิทธิ์ทรัพย์ (กรณีใช้ค้ำ) และเอกสารนิติบุคคล/ทะเบียนพาณิชย์
▲ ขอเปลี่ยนฐานอ้างอิงดอกเบี้ยและทบทวนอัตราเป็นระยะ
 ▲ ยืดงวดเท่าที่จำเป็น แล้ววางแผน “โปะ” เมื่อเงินเข้า (ช่วยลดดอกเบี้ยสะสม)
 ▲ รีแพ็กเกจหนี้: ก้อนลงทุนระยะยาว → ผ่อนรายงวด/เช่าซื้อ ส่วนหมุนเวียนจริง → วงเงิน OD
 ▲ รวมหนี้ยิบย่อยเพื่อลดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนและจัดการง่าย
 ▲ เอกสารเชิงรุก: งบย่อ, กระแสเงินสดย้อนหลัง, ใบเสนอราคา, รายชื่อลูกค้าหลัก/เครดิตเทอม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ธุรกิจที่มีฤดูกาลหรือเงินเข้าผันผวน อาจต้องคลายค่างวดช่วงสั้น ๆ
 ▲ ตั้ง “เพดาน OD” ให้พอดีกับค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน (เริ่มราว 1–1.5× และสำรอง 10–20%)
 ▲ กติกา “วันเงินเข้า = วันโปะ” วงเงินสั้น เพื่อลดดอกสะสมโดยอัตโนมัติ
 ▲ ใช้แฟคตอริ่งกับบิลที่เครดิตเทอมยาว เพื่อลดช่องว่างเงินสด
สำหรับโรงงาน/ห่วงโซ่การผลิต: ทำยังไงให้เงินสด “ทันรอบ”
รอบเงินสดของโรงงานมักยาว (สั่งวัตถุดิบ → ผลิต → ขาย → รอลูกหนี้การค้าจ่าย) จึงควรจับคู่สินเชื่อให้เหมาะ
 ▲ วัตถุดิบ/การผลิต: ใช้ OD/วงเงินหมุนเวียนเฉพาะส่วนหมุนจริง
 ▲ เครื่องจักร/อุปกรณ์: ใช้ผ่อนรายงวดหรือเช่าซื้อ เพื่อดอกเบี้ยเหมาะสม
 ▲ ลูกหนี้เครดิตเทอมยาว: ใช้แฟคตอริ่งบางส่วนเพื่อเร่งเงินสด
 ผลลัพธ์ที่ควรเห็น: ดอกเบี้ยรวมลดลง รอบเงินสดสั้นลง ความสามารถชำระหนี้ (DSCR) ดีขึ้น
0–30 วัน ปิดบัญชีเก่าตามแผน บันทึกค่าใช้จ่ายย้าย ตั้งเงินสำรอง 1 เดือนค่างวด
 31–60 วัน ใช้กติกา “เงินเข้า=วันโปะหนี้สั้น” ทำงบกระแสเงินสดรายสัปดาห์
 61–90 วัน ประเมินผล: ค่างวด/รายได้ดีขึ้นไหม ดอกเบี้ยรวมลดจริงหรือไม่ หากคล่องขึ้น ให้ตั้งรอบ “โปะ” รายไตรมาส
ถาม: ดอกเบี้ยแพง แต่อยากเลี่ยงการยืดงวดนาน ๆ ทำอย่างไร?
 ตอบ: ลองเปลี่ยนฐานอ้างอิง/แพ็กเกจ และใช้แผนโปะระหว่างทาง แทนการยืดงวดมากเกินไป
 ถาม: ทุนติดสต็อกหรือบิลรอรับชำระยาว?
 ตอบ: ปรับขนาด OD ให้พอดี และใช้แฟคตอริ่งบางส่วน ลดแรงกดเงินสด
 ถาม: ต้องลงทุนเครื่องจักรใหม่ แต่วงเงินปัจจุบันตึง?
 ตอบ: แยกก้อนลงทุนไปผ่อนรายงวด/เช่าซื้อ คง OD สำหรับหมุนเวียน
 ถาม: มีหนี้หลายก้อน คุมไม่ถนัด?
 ตอบ: รวมหนี้เป็นก้อนเดียว ลดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน และตั้งวินัยใช้วงเงินหลังรวม
 ถาม: ไม่แน่ใจว่าคุ้มไหมจะรีไฟแนนซ์ตอนนี้?
 ตอบ: คำนวณจุดคุ้มทุน เปรียบเทียบข้อเสนอ 2–3 แห่ง และดูว่า DSCR “ไม่ลดลง”
กำหนดเป้าหมาย: ลดดอกเบี้ย/ลดค่างวด/เพิ่มวงเงิน/เปลี่ยนชนิดสินเชื่อ
รวบรวมข้อมูลหนี้ปัจจุบัน: ยอดคงเหลือ ดอกเบี้ย งวดที่เหลือ ค่าปรับปิดก่อนกำหนด
ทำร่างคำนวณจุดคุ้มทุนอย่างย่อ
เตรียมเอกสารธุรกิจ 3–5 ชิ้นสำคัญ (งบย่อ กระแสเงินสดย้อนหลัง ใบเสนอราคา รายชื่อลูกค้าหลัก)
ขอข้อเสนออย่างน้อย 2–3 ที่ เพื่อเปรียบเทียบอย่างเป็นธรรม
ตัดสินใจโดยดู “ภาพรวม” ไม่ใช่แค่ตัวเลขเดียว
[เช็กคุณสมบัติ] [เช็กลิสต์เอกสาร] [กลับหน้าแม่: รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ]