เช็กคุณสมบัติ | เช็กลิสต์เอกสาร
อินโทร: ตั้งแต่รับ PO/PI ตรวจเอกสารการค้า วางโลจิสติกส์ และเร่งเงินเข้าหลังส่งมอบ—หน้านี้คือ Service Blueprint แบบครบวงจรของดีลส่งออก ที่เชื่อมการเงิน–เอกสาร–ขนส่ง–ความเสี่ยง ให้เดินงานได้เร็วและปลอดภัย
อ่านภาพรวมผลิตภัณฑ์ที่ สินเชื่อเพื่อการส่งออก (หน้าแม่) และรายละเอียดแบบ ไม่ใช้หลักทรัพย์ ที่ สินเชื่อไม่ใช้ทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อการส่งออก
ปิดช่องว่างเงินหมุนระหว่างผลิต–รอชำระ
ตรวจเอกสารการค้าให้ ครบ–ตรง–ตรวจย้อนกลับได้
เลือก Incoterms/เทอมชำระสอดคล้องความเสี่ยงคู่ค้า
ออกแบบเส้นทางขนส่ง–ประกัน–เอกสารศุลกากร
จัด Pre + Post-shipment finance ที่ผูกกับ shipment จริง
วางเครื่องมือคุมความเสี่ยง: Credit Insurance / FX Hedge
ตั้ง SLA ปล่อยวงเงิน–ตรวจงวดเอกสาร ให้ชัด
1) ตรวจ PO/PI & สัญญา
เช็กสินค้า–ปริมาณ–ราคา–Incoterms–กำหนดชำระ–ประเทศปลายทาง → สรุปว่าจะใช้ Pre หรือ Post หรือทั้งคู่
2) จัดเอกสารการค้าแกน
ชุดเอกสาร: PO/PI/สัญญา, Invoice, Packing List, BL/AWB, Insurance, Certificate of Origin, เอกสารเฉพาะตลาด
3) วางแผนโลจิสติกส์–ประกัน
เลือกเส้นทาง/สายเรือ/ตัวแทนขนส่ง, ทำประกันตาม Incoterms, เตรียมกำหนดการตู้/เที่ยวเรือ
4) Pre-shipment Finance (ถ้าจำเป็น)
เปิด Packing Credit/Pre-Export ตาม ต้นทุนผลิตของล็อต (ใช้–โปะ–ปิดราย shipment)
5) ส่งมอบ & ออกเอกสารขนส่ง
ตรวจความสอดคล้อง PO→Invoice→BL/AWB และภาพสินค้าหรือรายงาน QC (ถ้ามี)
6) Post-shipment Finance
เลือก Invoice Finance/LC Discount/Factoring ช่วยเร่งเงินเข้า พร้อมแนบชุดเอกสารที่ตรวจแล้ว
7) รับเงิน–ปิดรอบ–อัปเดตเครดิต
เงินเข้า → โปะ Pre/ลดวงเงินทันที → สรุปกำไรและข้อมูล shipment เพื่อขอขยายเพดานครั้งถัดไป
Pre (ก่อนส่ง): ใช้เฉพาะช่วงผลิต–แพ็กที่มีต้นทุนเกิดจริง
Post (หลังส่ง): ใช้เมื่อเอกสารส่งออกครบและมีสิทธิเรียกรับเงินชัด
Export OD: สำรองระยะสั้นในจังหวะชะงัก แต่ต้องมีแผน “ใช้–โปะ–ปิด”
Factoring/Forfaiting: โอนสิทธิเรียกรับเงินเพื่อลดความเสี่ยงเครดิต/เร่งเงิน
OA/DA (ผู้ซื้อจ่ายช้า): ควรจับคู่ Post-shipment และพิจารณา ประกันเครดิต
LC (ธนาคารค้ำ): จับคู่ LC Discount เพื่อรับเงินเร็วขึ้น
FOB/CIF/CIP/DDP: ให้การเงิน–ประกัน–ความรับผิดชอบตรงกับ Incoterms ที่ตกลง
การค้า: PO/PI/สัญญา, Commercial Invoice, Packing List, BL/AWB, Insurance Policy, CO
การเงิน: Bank statements 6–12 เดือน, รายงานภาษี/งบที่เกี่ยวข้อง, รายการลูกหนี้–เจ้าหนี้
ผู้ซื้อ: Buyer Profile (เครดิตรีพอร์ต, ธนาคารคู่ค้า, ประวัติชำระ), เงื่อนไข LC/DP/DA/OA
ความเสี่ยง: นโยบาย FX/ขอบเขตเฮดจ์, Credit Insurance (ถ้ามี)
SLA ตรวจเอกสาร: กี่ชั่วโมงต่อชุด PO/Invoice/BL
SLA ปล่อย Pre/Post: กี่วันหลังเอกสารครบ
CCC/DSO หลังใช้บริการ: ต้อง “สั้นลง” เท่าไร
Utilization & On-time Repayment: ใช้–โปะตามรอบเป็นกี่ %
เคส A — OA 60 วัน / ผลิต 45 วัน
ตรวจ PO/PI → วาง Pre 70% ของต้นทุน → ส่งมอบ → Post: Invoice Finance 80% → เงินเข้าโปะ Pre → เฮดจ์ FX 60%
เคส B — ผู้ซื้อใหม่/ประเทศเสี่ยงปานกลาง
เปลี่ยนเทอมเป็น DA/LC at sight → จัดเอกสาร LC → Post: LC Discount → ทำ Credit Insurance วงเงินขั้นต่ำ
เคส C — พีคซีซัน 3 shipment ซ้อน
ตั้ง Export Working Capital เป็นฐาน + Pre เฉพาะล็อตหนักทุน → จัดคิว Post ราย shipment → ตั้ง Alert โปะ/ปิดรอบ
Do: ทำ Matching เอกสาร PO→Contract→Invoice→BL/AWB อย่างมีเช็กลิสต์
Do: สรุป Executive Summary 1 หน้า ทุก shipment (สินค้า–เทอม–ผลิต–ขนส่ง–การเงิน–วันเงินเข้า)
Do: ขอ SLA เป็นลายลักษณ์ ทั้งตรวจเอกสารและปล่อยเงิน
Don’t: ใช้ OD ค้างยาวแทน Pre/Post—ต้นทุนทบและทำให้การอนุมัติรอบต่อไปยาก
Don’t: เปลี่ยน Incoterms/ปลายทางโดยไม่ปรับชุดเอกสาร → ดีลสะดุดทันที
ถ้าเอกสารไม่ครบจะเริ่มยังไง? ทำรายการ “เอกสารขั้นต่ำ” ต่อ shipment แล้วปิดช่องว่างก่อนยื่นขอ Post
ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำทำได้ไหม? ทำได้—ถ้าเอกสารการค้า–ผู้ซื้อ–กระแสเงินสดชัด (ดูที่ สินเชื่อไม่ใช้ทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อการส่งออก 2568)
อยากขยายวงเงินเร็ว ๆ ต้องทำอะไร? ใช้–โปะ–ปิดรอบตรงเวลา + เก็บสถิติ CCC/DSO ที่ดี → ธนาคารพร้อมขยายเพดานง่ายขึ้น