เช็กให้ชัดว่า รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ คุ้มจริงหรือไม่ ด้วยวิธีคิดเลขง่าย ๆ จุดคุ้มทุน ผลต่อกระแสเงินสด และ DSCR (อัตราความสามารถชำระหนี้)
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ คือการนำสินเชื่อใหม่มาชำระหนี้เดิม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปรับเงื่อนไขการกู้ยืมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกว่า หรือวงเงินที่สูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ
กลับหน้าแม่: รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
คำตอบคือ "ได้" ในหลายกรณี โดยเฉพาะเมื่อเข้าเงื่อนไขต่อไปนี้
หัวใจของการตัดสินใจคือ “สิ่งที่จ่ายวันนี้” กับ “สิ่งที่ได้คืนทุกเดือน” และผลที่มีต่อสุขภาพการเงินของกิจการ หาก เงินที่ประหยัดได้ต่อเดือน จากสัญญาใหม่มากพอจะ ชดเชยค่าใช้จ่ายย้าย ภายในเวลาที่รับได้ และไม่ทำให้ความสามารถชำระหนี้แย่ลง การรีไฟแนนซ์มีแนวโน้มคุ้มค่า ตรงกันข้าม ถ้าต้องยืดงวดมากเกินจำเป็นจนดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญาใหม่สูงกว่าสัญญาเดิม แม้ค่างวดจะลดลง ก็อาจ “ไม่คุ้ม” ในมุมมูลค่ารวม
จุดที่ต้องดูพร้อมกันมี 3 เรื่อง:
▲ จุดคุ้มทุน (Break-even) = จำนวนเดือนที่ “เงินประหยัด/เดือน” ชดเชยค่าใช้จ่ายย้ายได้ครบ
▲ ดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญา ไม่ใช่แค่ค่างวดรายเดือน
▲ DSCR (อัตราความสามารถชำระหนี้ = เงินสดจากกิจการ ÷ ภาระหนี้ต่อปี) ควร ไม่ลดลง จากเดิม
ถ้าทั้งสามตัวชี้วัดให้สัญญาณบวก (คุ้มทุนเร็ว มูลค่ารวมลดลง และ DSCR ไม่น้อยลง) ก็เป็นกรณีที่ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ มีโอกาสช่วยธุรกิจได้จริง ทั้งลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มสภาพคล่องให้หมุนงานทัน
ก่อนตัดสินใจ รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ให้รวบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็น “ก้อนเดียว” เพื่อคำนวณเปรียบเทียบน้ำหนักต่อผลประหยัดที่คาดหวัง
▲ ค่าประเมินหลักประกัน/ทรัพย์สิน: ใช้กรณีมีหลักประกัน เช่น ที่ดิน อาคาร หรือรถ/เครื่องจักร
▲ ค่าธรรมเนียมจัดทำสัญญา–อากรแสตมป์–ค่าจดทะเบียน: ค่ากฎหมาย/เอกสารที่มากับสัญญาใหม่
▲ ค่าใช้จ่ายปิดสัญญาเดิมก่อนกำหนด (ถ้ามี): บางสัญญากำหนดค่าปรับเมื่อปิดก่อนครบกำหนด
▲ ค่าธรรมเนียมโอน/ค่าบริหารจัดการอื่น ๆ: เช่น ค่าธนาคาร ค่าดำเนินการภายใน
เคล็ดลับ: ขอใบสรุปค่าใช้จ่ายจากคู่เทียบ อย่างน้อย 2–3 แห่ง เพื่อเทียบ “ค่าใช้จ่ายย้าย” กับ “ประโยชน์ที่ได้/เดือน” อย่างเป็นธรรม อย่าลืมตรวจเงื่อนไข ปิดก่อนกำหนด ของสัญญาใหม่ หากตั้งใจมี “แผนโปะ” ระหว่างทาง
การคำนวณเบื้องต้นช่วยกรองโอกาสคุ้มค่า ก่อนลงรายละเอียดเชิงเอกสาร
ขั้นที่ 1: รวมค่าใช้จ่ายย้าย ทั้งหมดเป็นก้อนเดียว
รวบค่าประเมิน ค่าธรรมเนียม อากร ค่าปิดก่อนกำหนด ค่าดำเนินการต่าง ๆ ให้ครบ เพื่อใช้เป็นตัวตั้ง
ขั้นที่ 2: ประเมิน “เงินประหยัดต่อเดือน”
เทียบ ค่างวด/ดอกเบี้ย ของสัญญาเดิมกับสัญญาใหม่ โดยพิจารณาเทนอร์ (จำนวนงวด) ให้สมเหตุสมผล ไม่ยืดเกินความจำเป็น
ขั้นที่ 3: หา “จุดคุ้มทุน”
สูตรสั้น ๆ คือ จุดคุ้มทุน = ค่าใช้จ่ายย้าย ÷ เงินประหยัดต่อเดือน → ได้ผลเป็นจำนวนเดือน ถ้าตัวเลขออกมา สั้น (เช่น ≤ 12–18 เดือน) ถือเป็นสัญญาณดี
ขั้นที่ 4: ตรวจผลต่อ DSCR
ดูว่า DSCR หลังรีไฟแนนซ์ ไม่น้อยกว่าเดิม (หรือดีขึ้น) เพื่อยืนยันว่ากิจการไม่เสี่ยงด้านความสามารถชำระหนี้ในภาพรวม
ตีความอย่างรอบด้าน
▲ ค่างวดลด = สภาพคล่องดีขึ้นทันที แต่ต้องดู ดอกเบี้ยรวม ประกอบ
▲ ถ้าต้องยืดงวดเพื่อให้ค่างวดผ่านเกณฑ์ ควรมี แผนโปะ (รายไตรมาส/เมื่อเก็บหนี้ได้/เมื่อปิดงาน)
▲ อย่าเปรียบเทียบเพียงตัวเลขเดียว ให้ดู “ภาพรวม” ทั้ง จุดคุ้มทุน + ดอกเบี้ยรวม + DSCR
ตัวเลขสมมติ เพื่อสาธิตวิธีคิด (ไม่ใช่ข้อเสนอจริง)
เคส A: เทนอร์เหลือยาว รีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยรวม
สถานการณ์: กิจการมีสัญญาเดิมที่ดอกเบี้ยคงที่ค่อนข้างสูง เทนอร์ เหลืออีก 48 เดือน ข้อเสนอใหม่เสนออัตราต่ำลง เทนอร์ใกล้เคียงเดิม ค่าใช้จ่ายย้ายรวม 120,000 บาท
ผลกระทบ: ค่างวดใหม่ลดลง ~20,000 บาท/เดือน → จุดคุ้มทุน ~6 เดือน หลังจากนั้นคือ “ส่วนประหยัดสุทธิ” ที่สะสมขึ้นทุกเดือน DSCR ดีขึ้นเล็กน้อยเพราะค่างวดลด
ข้อสรุป: กรณีนี้มีแนวโน้ม คุ้มค่า ทั้งระยะสั้น (สภาพคล่องดีขึ้นเร็ว) และระยะยาว (ดอกเบี้ยรวมลด)
เคส B: ต้องการหายใจทันที แต่เสี่ยงมูลค่ารวมสูงขึ้น
สถานการณ์: สัญญาเดิมเหลือ 24 เดือน ค่างวดสูง ธุรกิจต้องการลดแรงกดทันที จึงพิจารณายืดงวดเป็น 60 เดือน ค่าใช้จ่ายย้าย 100,000 บาท
ผลกระทบ: ค่างวดลดลงมาก (เช่น ~55,000 บาท/เดือน) ทำให้ จุดคุ้มทุน ~2 เดือน แต่เมื่อนำดอกเบี้ยรวมตลอด 60 เดือน มาคำนวณ อาจ “สูงกว่าเดิม”
ข้อสรุป: ทางเลือกนี้เหมาะกรณี “ต้องคลายค่างวดเฉียบพลัน” และจะ โปะส่วนเกิน เป็นระยะ เพื่อดึงมูลค่ารวมกลับลง หากไม่มีวินัยโปะ อาจ “ไม่คุ้ม” ในมุมระยะยาว
บทเรียนจากสองเคสคือ ต้อง เวลคงที่ ระหว่าง “ความโล่งวันนี้” กับ “มูลค่ารวมพรุ่งนี้” โดยใช้จุดคุ้มทุน, DSCR และแผนโปะเป็นเครื่องมือคุมความเสี่ยง
แม้จะคำนวณคุ้ม–ไม่คุ้มแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้รีไฟแนนซ์ “ได้ประโยชน์จริง” คือผลที่เกิดขึ้นกับกระแสเงินสดรายเดือนและวินัยการเงินหลังเริ่มสัญญาใหม่
ตัวชี้วัดที่ควรติดตาม 1–3 เดือนแรก
▲ เงินสดคงเหลือปลายเดือน: ควรสูงขึ้นเมื่อเทียบฐานเดิม
▲ สัดส่วนค่างวด/รายได้ต่อเดือน: ลดลงสู่ระดับที่รับได้ เช่น ตั้งเพดานไม่เกิน X% ของรายได้
▲ DSCR: อย่างน้อยเท่าเดิม หรือ ≥ เกณฑ์ ที่ธนาคารมักพิจารณาในอุตสาหกรรมของคุณ
▲ รอบเงินเข้า–ออก: ตารางผ่อนใหม่ควรสอดคล้องรอบการรับเงิน (เช่น วันเงินเข้า = วันโปะบางส่วนในกรณีใช้วงเงินหมุนเวียน)
แนวทางทำให้ประโยชน์ “อยู่กับเราไปนาน ๆ”
▲ สร้าง กติกาโปะ: เมื่อมีเงินเข้าเหนือประมาณการ ให้โปะตามสูตรที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
▲ แยก “ก้อนลงทุนระยะยาว” ออกจาก “วงเงินหมุนเวียน” ไม่ใช้ OD ไปทดแทนสินทรัพย์ถาวร
▲ ถ้าธุรกิจมีฤดูกาล ให้คุยเงื่อนไขปรับงวด/พักต้นชั่วคราว (ถ้าจำเป็น) แบบมีกรอบเวลาและแผนโปะชัดเจน
▲ ทบทวนงบกระแสเงินสดทุกไตรมาส เพื่อปรับกลยุทธ์รับ–จ่าย และรักษา DSCR ให้อยู่ระดับสุขภาพดี
ผลลัพธ์ที่ควรเห็นหลัง สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลงตัวแล้ว คือค่างวดที่สอดคล้องรายได้ เงินสดคงเหลือเพิ่ม และโครงสร้างหนี้ที่ “เข้ากับงานจริง” มากขึ้น
ขั้นเตรียมการ (ทำการบ้านให้ครบ)
สรุปหนี้เดิม: ยอดคงเหลือ อัตราดอกเบี้ย งวดที่เหลือ เงื่อนไขปิดก่อนกำหนด และหลักประกันที่ใช้
รวบค่าใช้จ่ายย้าย: ขอรายละเอียดจากคู่เทียบ 2–3 แห่ง เพื่อความโปร่งใสในการเทียบข้อเสนอ
คำนวณจุดคุ้มทุน + ดอกเบี้ยรวม: ใช้สูตรสั้นด้านบน และถือ “มูลค่ารวม” เป็นตัววัดหลัก ไม่ดูแค่ค่างวด
จำลองตารางผ่อนใหม่ ให้สัมพันธ์รอบเงินเข้า–ออกของกิจการ (รายเดือน/รายฤดูกาล)
เตรียมเอกสารสำคัญ: งบย่อ รายการเดินบัญชี (6–12 เดือน) ข้อมูลสัญญาเดิม หลักประกัน และเอกสารประกอบการใช้เงิน (PO/ใบเสนอราคา)
กำหนดเป้าหมายชัด: ลดดอก? ลดค่างวด? เพิ่มวงเงิน? เปลี่ยนชนิดสินเชื่อให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ?
เคล็ดลับเจรจาให้คุ้มจริง
▲ เปลี่ยนฐานอ้างอิงดอกเบี้ย/ทบทวนอัตราเป็นระยะ: เปิดโอกาสให้ปรับตามภาวะตลาด
▲ ยืดงวด “เท่าที่จำเป็น” + วางแผนโปะ: ได้ทั้งสภาพคล่องและคุมดอกเบี้ยรวม
▲ รีแพ็กเกจหนี้: แยก “เครื่องจักร/ลงทุนระยะยาว” ไปผ่อนรายงวด และคง OD สำหรับหมุนเวียนแท้จริง
▲ คุมค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขปิดก่อนกำหนด: เพื่อให้โปะได้ตามแผนโดยไม่เสียเปรียบ
▲ เปรียบเทียบ 2–3 แห่ง: ใช้ข้อเสนอเป็น “แรงต่อรอง” อย่างสุภาพและโปร่งใส
▲ ยึดตัวชี้วัดหลังรีไฟแนนซ์: ตั้งเป้าค่างวด/รายได้ต่อเดือน, เงินสดคงเหลือ, DSCR เพื่อประเมินผลจริงหลังเริ่มสัญญา
ท้ายที่สุด การ รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ควรทำให้ “บ้านทางการเงิน” ของกิจการเหมาะกับวันนี้และพรุ่งนี้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงลดค่างวดชั่วคราว การยึดมั่นสามหลัก—จุดคุ้มทุนที่สั้นพอ มูลค่ารวมที่ลดลง และ DSCR ที่ไม่แย่ลง—จะทำให้การตัดสินใจมั่นใจและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
• รีไฟแนนซ์ธุรกิจคืออะไร? — ความหมาย ขั้นตอน เอกสาร ค่าใช้จ่ายที่พบบ่อย
• คุ้มไหมถ้าจะย้ายหนี้ — วิธีคิดเลขจุดคุ้มทุนแบบง่าย ๆ
• เพลย์บุ๊ก ลดดอกเบี้ย — แนวทางต่อรอง เปลี่ยนฐานดอกเบี้ย ยืดงวดเท่าที่จำเป็น
• รวมหนี้ธุรกิจหลายก้อน — รวมเป็นก้อนเดียวให้ง่ายขึ้นและลดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน
• รีไฟแนนซ์ระยะสั้น — คลายค่างวดเฉพาะช่วงที่เงินตึง
• สำหรับโรงงาน/การผลิต — จับคู่สินเชื่อให้ “ทันรอบเงินสด”
กลับหน้าแม่: รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ