สรุปให้เลือกสินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ถูกตั้งแต่แรก: ระยะสั้น–ระยะยาว ตั้งวงเงินเริ่มต้นแบบง่าย เช็กเอกสาร และไปต่อยังบทความย่อยเฉพาะทาง อ่านจบลงมือได้ทันที
เช็กคุณสมบัติของฉัน | เช็กลิสต์เอกสาร
ลิงก์ไปหน้า: ระยะสั้น vs ระยะยาว เลือกอย่างไร , เสริมสภาพคล่อง(OD/Factoring) , ลงทุนในสินทรัพย์ (Term/Investment
1) ตั้งเป้าหมายให้ชัด
แยกก่อนว่าต้องการ “เงินหมุนเวียนระยะสั้น” (ใช้จ่ายถี่ ๆ แล้วคืนเมื่อรายรับเข้า) หรือ “เงินก้อนเพื่อลงทุนระยะยาว” (ซื้อของชิ้นใหญ่ ใช้หลายปี)
2) เลือกให้ตรงงาน
เงินหมุนเวียนใช้กับค่าใช้จ่ายที่เกิดบ่อย ส่วนเงินก้อนใช้กับทรัพย์สิน/โครงการลงทุน อย่าปะปนกัน
3) คำนวณวงเงินเริ่มต้นแบบปลอดภัย
วางวงเงินหมุนเวียนราว 1–1.5 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือน และกันสำรอง 10–20% เผื่อเหตุไม่คาดคิด
4) วินัยการคืนเงิน
เมื่อรายรับเข้าบัญชี ให้ “คืนเงินหมุนเวียนทันที” อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดดอกและเว้นวงเงินไว้ใช้รอบถัดไป
5) ตรวจความสามารถในการจ่าย
ลองจำลองค่างวดรวมรายเดือน ดูว่า “ไม่ตึงมือ” และยังกระแสเงินสดบวก หลังหักค่าใช้จ่ายปกติ
6) เตรียมเอกสารให้ครบ
รายการเดินบัญชี งบการเงิน เอกสารจดทะเบียน ใบเสนอราคา/สัญญาซื้อขาย (ถ้าลงทุน) และแผนเงินสด 6–12 เดือน
7) ส่งตรวจเบื้องต้น (Pre-screen)
ให้ผู้ให้บริการประเมินช่วงวงเงินและเงื่อนไขก่อน เพื่อปรับแผนให้เหมาะตั้งแต่แรก
8) เปรียบเทียบและทำสัญญา
เปรียบเทียบไม่ใช่แค่ดอกเบี้ย แต่รวมค่าธรรมเนียม ระยะผ่อน เงื่อนไขปิดก่อน และผลต่อเงินสดรายเดือน จากนั้นทำสัญญาและตั้งตัวชี้วัดติดตามรายไตรมาส
สรุปสั้น: แยก “เงินหมุนเวียน” ออกจาก “เงินลงทุน”, วงเงินหมุนเวียนเริ่มพอประมาณ+คืนทันทีเมื่อรายรับเข้า, เอกสารครบ+ตรวจเบื้องต้น = ได้วงเงินเหมาะและรวดเร็ว
• เงินหมุนเวียนระยะสั้น
เหมาะเมื่อ: ต้องซื้อของหรือจ่ายค่าบริการถี่ ๆ แล้วนำรายรับมาคืน
จุดเด่น: ยืดหยุ่น ใช้–คืนได้ตลอด
ข้อควรระวัง: ต้องมีวินัยคืนทันทีที่มีรายรับ เพื่อลดดอก
• เงินก้อนเพื่อลงทุนระยะยาว
เหมาะเมื่อ: ซื้อของชิ้นใหญ่ ใช้ประโยชน์หลายปี
จุดเด่น: งวดคงที่ วางแผนได้
ข้อควรระวัง: กระทบเงินสดระยะยาว ควรกำหนดงวดให้เหมาะกับรายได้
• เช่าซื้อ
เหมาะเมื่อ: ต้องการใช้ทรัพย์สินทันทีและจ่ายเป็นงวด
จุดเด่น: มีทรัพย์เป็นหลักประกัน เห็นต้นทุนชัด
ข้อควรระวัง: ตรวจค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขให้ครบก่อนตัดสินใจ
• ใช้มากกว่า 1 แบบ
เหมาะเมื่อ: ธุรกิจมีทั้งค่าใช้จ่ายประจำและโครงการลงทุน
จุดเด่น: แยกหน้าที่เงินชัด ลดเงินตีกัน
ข้อควรระวัง: รักษาความสามารถจ่ายรวมให้อยู่ในระดับปลอดภัย
---
1) รายรับเฉลี่ยต่อเดือน มากกว่าค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือนอย่างน้อยประมาณ 20% หรือไม่
2) มีเงินสำรองอย่างน้อย 10–15% ของยอดค่างวดรวมต่อเดือนหรือยัง
3) ถ้าคิดจะกู้ระยะยาว ยอดเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายปกติ เพียงพอสำหรับค่างวดโดยไม่ตึงมือหรือไม่
**สรุป:** ผ่าน ≥ 2 ข้อ = พร้อมส่งตรวจเบื้องต้น / ต่ำกว่านั้น = ปรับแผนก่อนเพื่อความปลอดภัย
สถานการณ์: รายรับขึ้นลงตามมื้อ ต้องสต็อกวัตถุดิบถี่ และอยากอัปเกรดเครื่องครัว
แนวทาง: เงินหมุนเวียนระยะสั้นสำหรับวัตถุดิบ+คืนทันทีเมื่อยอดขายเข้า / เงินก้อนระยะยาวสำหรับอุปกรณ์ใหญ่
ทริก: ตั้ง “วันคืนเงิน” ให้ตรงกับวันที่ยอดขายเข้าบัญชี
ระวัง: อย่ารวมทุกอย่างไว้เงินก้อนเดียว เสี่ยงเงินขาดมือช่วงซื้อของ
สถานการณ์: ได้ออเดอร์เพิ่ม ต้องซื้อเครื่องจักร และมีรอบซื้อวัตถุดิบชัด
แนวทาง: เงินก้อนระยะยาวหรือเช่าซื้อสำหรับเครื่องจักร / เงินหมุนเวียนสำหรับวัตถุดิบ+ค่าแรง
ทริก: วางงวดให้ตรงกับรอบรับเงินจากลูกค้า และกันสำรอง 10–15% ของค่างวดรวม
ระวัง: อย่านำเงินหมุนเวียนไปซื้อของชิ้นใหญ่ จะกระทบรอบผลิต
สถานการณ์: ต้องตกแต่งร้านและซื้อสต็อกล็อตแรก
แนวทาง: เงินก้อนระยะยาวสำหรับตกแต่ง / เงินหมุนเวียนสำหรับสต็อก+โปรเปิดร้าน
ทริก: ตั้งค่างวดให้พอดีกับกำลังจ่าย และกำหนดวันคืนเงินให้ตรงกับวันที่ยอดขายเข้า
ระวัง: คุมสต็อกไม่ให้ค้างนาน กำหนดเกณฑ์เคลียร์สต็อกไว้แต่แรก
สถานการณ์: ยอดขายพีคช่วงเทศกาล เดือนปกติแผ่ว ต้องผลิต/ซื้อล่วงหน้า
แนวทาง: เงินหมุนเวียนเพื่อเตรียมของก่อนพีค+ทยอยปิดยอดเมื่อรายได้เข้า / เงินก้อนแยกสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ยาว
ทริก: ทำปฏิทินเงินเข้า–ออก และตั้งเพดานสต็อกต่อสินค้า
ระวัง: อย่ากักสต็อกเกินแผน ใช้ข้อมูลยอดขายปีก่อนช่วยคุม
สถานการณ์: รับเงินเป็นงวด แต่ต้องจ่ายค่าแรง–วัสดุก่อน
แนวทาง: เงินหมุนเวียนครอบคลุมค่าแรง–วัสดุ / เงินก้อนหรือเช่าซื้อสำหรับเครื่องมือใหญ่
ทริก: ผูกแผนเงินกับสัญญา ตั้งวันคืนเงินให้ตรงกับวันรับเงินงวด
ระวัง: อ่านเงื่อนไขการจ่ายเงินของลูกค้าให้ละเอียด และกันเงินสำรองเผื่อเลื่อนงวด
สรุปสั้น: ของใช้หลายปี/มูลค่าสูง → เงินก้อน/เช่าซื้อ | ค่าใช้จ่ายถี่ → เงินหมุนเวียน+คืนทันทีเมื่อรายรับเข้า | แยกหน้าที่เงินให้ชัด ลดเงินตีกัน
• รายการเดินบัญชีและเอกสารการเงินย้อนหลัง 6–12 เดือน
• เอกสารจดทะเบียนและรายชื่อผู้ถือหุ้น
• ใบเสนอราคาหรือสัญญาซื้อขาย (ถ้าซื้อของ/อุปกรณ์)
• แผนเงินสด 6–12 เดือน และภาพถ่ายกิจการ/ทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
สรุปสั้น: เอกสารครบและเป็นปัจจุบัน ช่วยพิจารณาเร็วขึ้นและได้วงเงินใกล้เคียงความต้องการ
• เงินหมุนเวียนระยะสั้น: เงินสำรองที่ดึงมาใช้จ่ายประจำ แล้วคืนเมื่อมีรายรับ
• เงินก้อนเพื่อลงทุนระยะยาว: เงินสำหรับของชิ้นใหญ่ ใช้หลายปี ผ่อนเป็นงวด
• เช่าซื้อ: ผ่อนทรัพย์สิน โดยทรัพย์นั้นเป็นหลักประกัน
• ความสามารถในการจ่าย: เงินที่เหลือพอจ่ายค่างวด โดยไม่ทำให้ธุรกิจตึงมือ
• มูลค่าหลักประกันเทียบวงเงิน: ใช้พิจารณาวงเงินเมื่อมีทรัพย์เป็นหลักประกัน
• ดูดอกเบี้ยอย่างเดียวพอไหม?
ไม่พอ ควรดูผลต่อเงินสดรายเดือน ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขปิดก่อนกำหนดด้วย
• ใช้หลายแบบพร้อมกันได้ไหม?
ได้ และมักเหมาะกว่า โดยแยกหน้าที่ให้ชัดเจน: เงินหมุนเวียน = รายจ่ายถี่ ๆ / เงินก้อน = ของชิ้นใหญ่
• รายได้ขึ้นลงมาก ควรทำอย่างไร?
เริ่มจากเงินหมุนเวียนระยะสั้นคู่กับวินัยคืนทันที แล้วค่อยพิจารณาเงินก้อนเมื่อรายได้เริ่มนิ่ง
• ควรเปลี่ยนเจ้าที่ให้เงินเมื่อไร?
เมื่อค่างวดรวมลดลงจริง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไม่สูงกว่าประโยชน์ที่จะได้