กลับหน้าแม่ (Hub): → คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
ริ่มทำธุรกิจสตาร์ทอัพให้เดินหน้าได้ต่อเนื่อง ไม่ได้ต้องใช้เพียง “ไอเดียที่ดี” เท่านั้น แต่จำเป็นต้องมี แหล่งเงินทุน และโครงสร้าง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่เหมาะสมด้วย ทั้งในช่วงเริ่มทดลองตลาด ช่วงปรับสินค้า/บริการ ไปจนถึงระยะที่ต้องขยายทีม ระบบ และการผลิต
หากผู้ประกอบการเลือกประเภท สินเชื่อธุรกิจsme หรือ สินเชื่อเงินกู้ ได้เหมาะกับรูปแบบรายได้ กำหนดวงเงินกู้ไม่สูงเกินไป และเตรียมข้อมูลให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยให้ยื่นขอ เงินกู้sme หรือการ กู้sme จากธนาคารได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสให้เป็น สินเชื่ออนุมัติง่ายไม่เช็คภาระหนี้ ตามที่หลายคนมักค้นหา (แม้ในทางปฏิบัติธนาคารยังคงต้องตรวจสอบภาระหนี้โดยรวมตามหลักเกณฑ์)
สินเชื่อธุรกิจสตาร์ทอัพมีของธนาคารไหนบ้าง
ปัจจุบันธนาคารของรัฐและธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่และสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้เข้าถึง แหล่งเงินทุน ได้ง่ายขึ้น ทั้งในรูปแบบ สินเชื่อธุรกิจSME,วงเงินหมุนเวียน และเงินกู้เพื่อการลงทุนระยะยาว แม้เงื่อนไขจริงจะไม่ใช่ “สินเชื่ออนุมัติง่ายไม่เช็คภาระหนี้” ตามคำค้นยอดนิยม แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ที่วางเกณฑ์ไว้ค่อนข้างเอื้อต่อผู้เริ่มต้นธุรกิจ หากเตรียมข้อมูลและเอกสารได้ครบถ้วน
ด้านล่างเป็นตัวอย่างสินเชื่อธุรกิจสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรายใหม่จากธนาคารหลัก (ข้อมูลและเงื่อนไขอาจเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบบนเว็บไซต์ธนาคารอีกครั้งก่อนยื่นกู้)
ธนาคารออมสินมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อ GSB SMEs Start–Up สำหรับผู้ประกอบการระยะเริ่มต้น (Start Up Stage) ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยเน้นธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร เช่น การผลิต พาณิชยกรรม หรือบริการ
ลักษณะสำคัญโดยสรุป
ใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ หรือใช้ลงทุนในทรัพย์สินถาวร(ยกเว้นเก็งกำไรที่ดิน)
แบ่งได้ทั้ง“เงินกู้ระยะสั้น”(เช่นOD,ตั๋วสัญญาใช้เงิน)และ“เงินกู้ระยะยาว”
วงเงินต่อรายสูงสุดประมาณ10ล้านบาท โดยพิจารณาตามความจำเป็นและความสามารถชำระหนี้ของกิจการ
สำหรับสตาร์ทอัพที่เริ่มมีฐานลูกค้าชัดเจน ต้องการ กู้SME เพื่อขยายทีมหรือระบบ สินเชื่อประเภทนี้ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของ สินเชื่อเงินกู้ ที่เหมาะสม หากเตรียมงบการเงินและแผนธุรกิจได้ดี
SME D Bank เป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่เน้นสนับสนุน เงินกู้SME และผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ โดยมีหลายโครงการภายใต้นโยบายรัฐ เช่น
โครงการ“สินเชื่อปลุกพลังSME”และ“สินเชื่อ Beyond ติดปีก SME”วงเงินรวมหลายหมื่นล้านบาทดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นราว 3%ต่อปีคงที่3ปีแรก ผ่อนชำระได้นานถึง10ปีและมักมีช่วงปลอดชำระเงินต้นในปีแรก
โครงการร่วมกับหน่วยงานพัฒนานวัตกรรม(เช่นNIA)เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนควบคู่กับบริการพัฒนาธุรกิจ
โครงการเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มองหา สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ดอกเบี้ยต่ำ มีระยะเวลาผ่อนยาว และต้องการคำปรึกษาควบคู่ไปกับการขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงกำลังทดลองตลาดหรืออยู่ในช่วงขยายกิจการ
ธนาคารไทยพาณิชย์มีสินเชื่อเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มธุรกิจใหม่ เช่น “สินเชื่อ SME เพื่อเริ่มต้นธุรกิจใหม่” ซึ่งออกแบบมาเพื่อกิจการที่เปิดดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน แต่ไม่ถึง 3 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 75 ล้านบาท โดยเน้นให้ใช้หลักประกันประเภทอสังหาริมทรัพย์หรือเงินฝาก
นอกจากนี้ SCB ยังมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อธุรกิจแบบไม่ใช้หลักประกัน, สินเชื่อธุรกิจมณีทันใจ และวงเงินทุนหมุนเวียนเพื่อ SME ที่สมัครผ่านช่องทางดิจิทัลได้ เหมาะกับผู้ค้ารายย่อยหรือธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการ เงินกู้ด่วน เพื่อหมุนเวียนในระยะสั้น โดยเน้นข้อมูลการเดินบัญชีและยอดขายดิจิทัลเป็นหลัก
สำหรับผู้ประกอบการที่สงสัยว่า “สินเชื่อSMEคืออะไร” ในมุมของ SCB สินเชื่อกลุ่มนี้คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหลักประกันและไม่ใช้หลักประกัน เพื่อสนับสนุนทุนหมุนเวียนและการลงทุนของ SME ตั้งแต่รายย่อยจนถึงรายที่มีรายได้ระดับกลาง
กสิกรไทยมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อธุรกิจ SME เลือกได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้ประกอบการรายใหม่ที่เริ่มต้นธุรกิจมาแล้วระยะหนึ่ง โดยมีจุดขายสำคัญคือ “เปิดร้านปีเดียวก็กู้ได้ ไม่แคร์หลักประกัน อนุมัติง่าย แค่เดินบัญชีต่อเนื่อง 6 เดือน” (ตามเงื่อนไขของธนาคารในขณะนั้น)
กลุ่มผลิตภัณฑ์ สินเชื่อเพื่อการลงทุนในธุรกิจ ของ KBank ยังรวมถึง
สินเชื่อ SME บัญชีเดียว
สินเชื่อวงเงินเยอะ
สินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์
สินเชื่อนวัตกรรมดี (สำหรับโครงการนวัตกรรมบางประเภท)
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เหมาะกับสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจชัดเจน เช่น แฟรนไชส์ หรือธุรกิจที่อิงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต้องการ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ เพื่อขยายกิจการในระยะยาวควบคู่กับวงเงินหมุนเวียนในระยะสั้น
กรุงไทยมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ที่เน้น “อนุมัติไว กู้ง่าย วงเงินสูง” เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึง แหล่งเงินทุน ได้ง่ายขึ้น เช่น วงเงินสินเชื่อเพื่อคู่ค้าภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนในกิจการ
แม้จะไม่ได้ระบุคำว่า “สตาร์ทอัพ” โดยตรง แต่หากธุรกิจอยู่ในกลุ่มที่เป็นคู่ค้าภาครัฐ หรือต้องการขยายกิจการอย่างเป็นระบบ ก็สามารถใช้สินเชื่อเหล่านี้เป็น สินเชื่อเงินกู้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและลงทุนในโครงการใหม่ได้
สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยหรือธุรกิจขนาดเล็กมากที่เพิ่งเริ่มต้น อาจพิจารณา สินเชื่อเพื่อธุรกิจ Micro / Micro SME ของธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ซึ่งเป็น สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบหมุนเวียน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เหมาะกับผู้ค้าตลาด ร้านเล็ก ๆ และผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาที่มีทะเบียนพาณิชย์หรือทะเบียนการค้ามาระยะหนึ่ง
สินเชื่อกลุ่มนี้แม้จะไม่ใช้คำว่า “สตาร์ทอัพ” โดยตรง แต่ในทางปฏิบัติถือเป็นทางเลือกสำคัญของผู้เริ่มธุรกิจจากขนาดเล็ก และต้องการ เงินกู้SME หรือ เงินกู้ด่วน วงเงินไม่สูงมาก เพื่อเพิ่มสต็อกหรือปรับปรุงหน้าร้าน
ธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ต้องเติบโตเร็ว และมักเผชิญปัญหา “เงินสดไม่พอในระหว่างทาง” การวางแผนก่อนขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ หรือก่อนตัดสินใจกู้ เงินกู้ SME จึงควรเริ่มจากการดูสภาพคล่องที่แท้จริงของกิจการ
แนวคิดที่นิยมใช้ในสตาร์ทอัพ ได้แก่
Burn rate
คือ ค่าใช้จ่ายสุทธิที่ธุรกิจต้องจ่ายในแต่ละเดือน (เช่น เงินเดือนทีม ค่าเช่า ค่าโฆษณาที่จำเป็น) เมื่อหักรายรับจากการดำเนินงานแล้ว
Runway
คือ ระยะเวลาที่ธุรกิจยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยเงินสดที่มีอยู่ในมือ
Runway = เงินสดคงเหลือ ÷ Burn rate ต่อเดือน
Milestone
คือ เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ “ความเสี่ยงลดลง” หรือ “กำไรดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” เช่น
ปิดดีลลูกค้ารายใหญ่
เปิดตัวเวอร์ชันสินค้าเต็มรูปแบบ (Production)
ผ่านการรับรองมาตรฐาน หรือได้รับอนุมัติโครงการสำคัญ
เป้าหมายคือทำให้ Runway “ยาวกว่าระยะเวลาที่จะถึง Milestone” พร้อมมีเวลาเผื่อสำรองอย่างน้อย 2–3 เดือน เมื่อทราบตัวเลขเหล่านี้แล้ว จึงค่อยพิจารณาเลือกรูปแบบ สินเชื่อเงินกู้ หรือการ กู้sme ที่สอดคล้องกับกระแสเงินสด ไม่ควรขอกู้เพียงเพราะ “อยากมีวงเงินสำรองไว้ก่อน” เพราะอาจสร้างภาระดอกเบี้ยเกินความจำเป็น
สตาร์ทอัพสามารถใช้แหล่งเงินทุนได้หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเพียง สินเชื่อธุรกิจsme จากธนาคารเท่านั้น การผสมผสานเครื่องมือหลายแบบช่วยให้ต้นทุนเงินทุนโดยรวมเหมาะสม และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ
ตัวอย่างแหล่งเงินทุนที่พบบ่อย ได้แก่
เงินทุนจากผู้ก่อตั้ง (Bootstrapping)
คล่องตัวที่สุด แต่ต้องระวังไม่ให้เงินสดส่วนตัวตึงตัวจนเกินไป
เพื่อนและครอบครัว
เงื่อนไขยืดหยุ่นสูง แต่ควรทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ / วงเงินหมุนเวียน (Working Capital / OD)
เหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ค่าการตลาดบางส่วน จ่ายดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ใช้จริง เหมาะกับธุรกิจที่มีรายได้ต่อเนื่อง
แฟคตอริ่ง / AR Financing
ใช้เร่งเงินจากใบแจ้งหนี้ของลูกค้ารายใหญ่ ทำให้ไม่ต้องรอรอบเก็บเงินนาน และไม่ไปกินวงเงิน OD มากเกินไป
เช่าซื้อ / ลีสซิ่ง (Hire Purchase / Leasing)
เหมาะสำหรับซื้ออุปกรณ์ เครื่องจักร หรือยานพาหนะ ช่วยให้ไม่ต้องใช้เงินสดก้อนใหญ่ในครั้งเดียว แต่ทยอยจ่ายเป็นงวด
Term Loan / Investment Loan
เป็นเงินก้อนสำหรับลงทุนโครงการระยะยาว เช่น เปิดสาขาใหม่ ลงทุนระบบ หรือขยายสายการผลิต
ทุนหุ้น (Angel / VC / Equity Crowdfunding)
เหมาะกับสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ยอมแลกกับการแบ่งหุ้นและสิทธิในกิจการ
ทุนสนับสนุน / โครงการภาครัฐ
ช่วยลดต้นทุนเงินทุน เช่น โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพหรือโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ
สรุปจำง่าย
งานสั้น หมุนเงินเร็ว → ใช้วงเงินหมุนเวียน (OD / Working Capital)
รอเก็บเงินจากลูกค้ารายใหญ่ → ใช้ Factoring / AR Financing
ลงทุนยาว ซื้ออุปกรณ์→ ใช้ Term Loan / Leasing
การเลือกใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ให้เหมาะกับรูปแบบงาน จะทำให้ภาระผ่อนชำระสมเหตุสมผล และทำให้คำขอ สินเชื่อธุรกิจsme ดูน่าเชื่อถือในสายตาธนาคารมากขึ้น
ลิงก์อ่านต่อ : เสริมสภาพคล่อง (OD/Working Capital): สูตร OD/Factoring ที่ใช้ได้จริง
เวลาเจ้าของธุรกิจพูดคุยกับธนาคารเพื่อขอ เงินกู้ด่วน หรือ เงินกู้sme มักพูดถึง “โอกาสเติบโต” แต่ในมุมของผู้ให้กู้ เขาต้องการเห็น “ความสามารถในการชำระหนี้” ที่พิสูจน์ได้จากตัวเลขเงินสดจริง
ตัวชี้วัดหลักที่ควรรู้ ได้แก่
DSCR (Debt Service Coverage Ratio)
ดูว่า “มีเงินสดเหลือพอจ่ายหนี้หรือไม่”
DSCR ≈ เงินสดจากการดำเนินงานต่อเดือน ÷ ค่างวดหนี้รวมต่อเดือน
หาก DSCR มากกว่า 1.2–1.3 ขึ้นไป จะอยู่ในโซนที่ธนาคารมองว่าค่อนข้างปลอดภัย
DSR (Debt Service Ratio)
ดูว่าภาระหนี้ต่อเดือนคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้
DSR = ค่างวดหนี้รวมต่อเดือน ÷ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
หากภาระหนี้ไม่เกินประมาณ 50–60% ของรายได้ ธนาคารจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)
ใช้ประเมินว่าโครงการหรือทรัพย์สินที่ลงทุนด้วย สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ต้องใช้เวลากี่เดือน/กี่ปีกว่าจะคืนทุน
ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI / Unit Economics)
แสดงให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละกลุ่ม สาขาแต่ละสาขา หรือหน่วยธุรกิจแต่ละส่วนสร้างกำไรได้จริงหรือไม่
ยิ่งเจ้าของกิจการสามารถนำตัวเลขเหล่านี้มาอธิบายได้ชัดเจนเท่าไร ธนาคารก็ยิ่งมั่นใจว่า การปล่อย สินเชื่อธุรกิจsme หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม สินเชื่อเงินกู้ ให้กับกิจการนี้ เป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลรองรับ
สตาร์ทอัพในช่วงทดลองตลาด (Product/Market Fit) กับช่วงขยายธุรกิจ (Scale) มีลักษณะกระแสเงินสดต่างกันพอสมควร จึงควรออกแบบโครงสร้าง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ให้เหมาะกับระยะที่ธุรกิจอยู่
ช่วงทดลองตลาด (รายได้ยังไม่นิ่ง)
ใช้วงเงินหมุนเวียนขนาดเล็กพอเหมาะ เช่น OD เพื่อกันเหตุฉุกเฉิน
หากมีสัญญาบริการหรืองานจากลูกค้ารายใหญ่ ใช้ AR Financing ช่วยเร่งเงินเข้า
ช่วงกำลังขยาย (มียอดขายและสัญญาค่อนข้างชัดเจน)
ใช้ Term Loan / Investment Loan สำหรับลงทุนทรัพย์สินหรือระบบ
ใช้ Leasing / HP เมื่อซื้อเครื่องจักรหรือยานพาหนะ
วางเงื่อนไขผ่อนแบบมีช่วงผ่อนเบา (Grace / Step-up) ให้สอดคล้องกับยอดขายที่คาดว่าจะเติบโต
ธุรกิจที่มีวัฏจักรเงินสดยาว (เก็บเงินช้า 60–90 วัน)
ใช้ Factoring เฉพาะลูกค้าบางราย เพื่อลดการพึ่งพา OD และลดดอกเบี้ยส่วนเกิน
ในมุมธนาคาร เมื่อเห็นว่าเจ้าของกิจการออกแบบโครงสร้างเงินกู้ให้สอดคล้องกับเส้นทางธุรกิจ และไม่ใช้สินเชื่อผิดประเภท โอกาสที่คำขอสินเชื่อจะถูกมองว่า “มีความเสี่ยงเหมาะสม” ก็จะสูงขึ้น
ลิงก์อ่านต่อ: ลงทุนในสินทรัพย์ (Term/Investment)
ไม่ว่าจะเป็นคำขอ สินเชื่อธุรกิจsme, สินเชื่อสตาร์ทอัพ หรือคำขอ สินเชื่อเงินกู้ ในรูปแบบใด สิ่งที่ผู้ให้กู้ต้องการเห็นมากที่สุดคือ “ข้อมูลที่สอดคล้องกันทุกชุด”
เช็กลิสต์เอกสารที่ควรเตรียม ได้แก่
งบการเงิน เอกสารภาษี และสเตทเมนต์ ที่ตัวเลขรายได้–ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกัน
แผนกระแสเงินสด (Cash Flow Plan) 6–12 เดือน พร้อมกรณีดีขึ้น/แย่ลงเล็กน้อย
เอกสารโครงการหรือทรัพย์สินที่ต้องการลงทุน เช่น ใบเสนอราคา ตารางติดตั้ง สัญญา หรือ PO
สรุปโครงสร้างวงเงินที่ต้องการ ทั้งวงเงินหมุนเวียน วงเงินลงทุน และเหตุผลประกอบ
สไลด์สรุปสั้น ๆ 1 หน้า ระบุวัตถุประสงค์การกู้ ชุดวงเงินที่ขอ ผลกระทบต่อ DSCR/DSR และแผนชำระคืน
เมื่อเอกสารทั้งหมด “เล่าเรื่องเดียวกัน” ภาพรวมของคำขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ จะดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น และมีน้ำหนักเพียงพอให้ธนาคารพิจารณาอนุมัติ
มาย, ตาราง Step-up และภาพรวมเงินสดหลังลงทุน 12 เดือน จะคุยกับผู้ให้กู้ง่ายขึ้นมาก
ลิงก์อ่านต่อ : เช่าซื้อ / Leasing: รักษากระแสเงินสดสำหรับอุปกรณ์/ยานพาหนะ
หลายคนคิดว่า “งานจบ” เมื่อสินเชื่อได้รับอนุมัติ แต่ในทางกลับกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ว่า ธุรกิจสามารถใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ และรักษาวินัยการเงินได้จริง
แนวทางที่ควรทำต่อเนื่อง เช่น
วางแผนใช้วงเงินหมุนเวียน (OD) ให้มีช่วงปิดหรือชำระลดลงเป็นระยะ
ติดตามตัวเลข DSCR / DSR รายเดือนเทียบกับแผนเดิม หากเริ่มตึงควรทบทวนโครงสร้างหนี้
รักษาเงื่อนไขในสัญญา (Covenant) เช่น ส่งงบการเงินตรงเวลา และไม่ก่อหนี้ใหม่เกินที่ตกลง
เมื่อถึงรอบทบทวนวงเงิน หากธนาคารเห็นพัฒนาการที่ดี โอกาสขอเพิ่มวงเงินหรือปรับโครงสร้างให้เหมาะสมยิ่งขึ้นก็มีมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นผลดีต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพในระยะยาว
ลิงก์กลับ Hub : คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ