เข้าใจเงื่อนไข วงเงิน เอกสาร และกลยุทธ์อนุมัติไว ตั้งแต่ครั้งแรก
ธุรกิจจำนวนมากวันนี้มี “ออเดอร์เข้าไม่หยุด แต่วิ่งตามเงินหมุนไม่ทัน” งานมี ลูกค้ามี แต่กระแสเงินสดขาดช่วง นี่คือสถานการณ์จริงที่ผู้ประกอบการรายย่อยและเจ้าของกิจการ SME เจอทุกวัน ทางออกสำคัญคือ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME / สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ใช้ “กระแสเงินสด – Statement – เครดิตธุรกิจ” เป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องนำบ้าน ที่ดิน หรือรถไปค้ำประกัน ช่วยลดความเสี่ยงของเจ้าของกิจการ และให้ธุรกิจเดินเครื่องการขายได้ต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา เงินกู้ SME หรือ เงินกู้ด่วนเพื่อธุรกิจ ในกรุงเทพและปริมณฑลบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจว่า สินเชื่อ SME คือ อะไร เหมาะกับใคร มีเกณฑ์อนุมัติอย่างไร และควรเตรียมแผนอย่างไรให้ “ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก” โดยเฉพาะในกลุ่ม เงินกู้ธุรกิจ / สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน (หรือที่หลายแห่งเรียกเป็นวงเงินหมุนเวียน / สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์)
สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็น “วงเงินกู้เพื่อธุรกิจ” ที่ผู้ให้กู้พิจารณาจาก ศักยภาพการทำเงินของกิจการ มากกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการวงเงินหมุนเวียนหรือเงินลงทุนระยะสั้น–กลาง โดยทั่วไป ผู้ให้กู้จะดู 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
รายได้และความสม่ำเสมอ
ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือน
กระแสเงินเข้า–ออกในบัญชี (Bank Statement)
ความสม่ำเสมอของรายได้ระหว่างเดือน / ฤดูกาล
วินัยทางการเงิน
ประวัติเครดิต (เครดิตบูโร)
ภาระหนี้รวมต่อรายได้ (DSR)
ประวัติการชำระตรงเวลา / ค้างชำระ
หลักฐานธุรกิจ
เอกสารนิติบุคคล/ทะเบียนพาณิชย์
เอกสารภาษี (ภ.พ.30 / ภ.ง.ด. / ภ.พ.50 ตามประเภทกิจการ)
สัญญาซื้อขาย ใบสั่งซื้อ (PO) ใบส่งของ ใบกำกับภาษี ฯลฯ
ข้อดีของสินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ไม่ต้องเอาทรัพย์สินส่วนตัวมาเสี่ยง
กระบวนการอนุมัติโดยทั่วไปเร็วกว่าสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์
เหมาะกับกิจการที่กำลังขยายตัว ต้องการเงินหมุนเพิ่มตามออเดอร์
ข้อจำกัด
วงเงินจะผูกกับรายได้ กระแสเงินสด และประวัติเครดิต
ต้องมีเอกสารรายได้และเอกสารภาษีที่ “สะอาด–ตรวจสอบได้”
บางโปรแกรมเน้นเฉพาะลูกค้ากลุ่ม สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก หรือกิจการที่เปิดดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
หมายเหตุ: ในเชิง SEO หลายคนค้นด้วยคำว่า “สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีกหลักทรัพย์ค้ำประกัน” แม้จะสะกดคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย แต่โดยเนื้อแท้หมายถึงสินเชื่อลักษณะเดียวกัน คือ เงินกู้ธุรกิจที่เน้นดูศักยภาพและกระแสเงินสดเป็นหลัก
โดยภาพรวม สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME หรือ เงินกู้ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เหมาะกับกิจการที่มีการค้าขายหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เงินทุนรองรับออเดอร์ ได้แก่
กิจการที่มีออเดอร์ / PO ต่อเนื่อง
ต้องเติมสต๊อก วัตถุดิบ หรือแรงงานให้ทันความต้องการ เช่น โรงงานผลิตรายย่อย ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเอง
ร้านอาหาร / คาเฟ่ / ร้านกาแฟ / ร้านเบเกอรี / ธุรกิจบริการหน้าร้าน
ที่ “เงินหมุนเวียน” คือหัวใจ ต้องจ่ายวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าเช่าที่ ก่อนจะเก็บเงินจากลูกค้าครบ
ผู้รับเหมาก่อสร้าง / ขนส่ง / โลจิสติกส์
ที่มักต้องสำรองจ่ายค่าวัสดุ แรงงาน ค่าน้ำมัน ก่อนรับเงินงวดงานตามสัญญา
ธุรกิจบริการ B2B รายเดือน
เช่น ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด Outsource แรงงาน ที่รับเงินปลายเดือน แต่มีค่าใช้จ่ายทุกวัน
ผู้ส่งออก / ผู้ผลิตล็อตเล็ก–กลาง
ต้องซื้อของ ผลิต และส่งมอบสินค้าให้ทันกำหนดชำระของลูกค้า (เช่น 30–90 วัน)
ถ้าธุรกิจของคุณเข้าเงื่อนไขเหล่านี้ การใช้ สินเชื่อธุรกิจ SME หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ช่วยให้เงินทุนหมุนเวียนเป็นระบบมากขึ้นกว่าการพึ่งเงินกู้นอกระบบหรือโพยก๊วนดอกเบี้ยสูง
อยากดูตัวอย่างเฉพาะอุตสาหกรรม?
ลิงก์ไปหน้า: สำหรับร้านอาหาร, ผู้รับเหมาก่อสร้าง, ธุรกิจบริการ, ขนส่งรายเล็ก, ผู้ประกอบการรายใหม่
ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับผู้ให้กู้ คะแนนเครดิต และศักยภาพของธุรกิจ ข้อมูลด้านล่างนี้เป็นเพียงภาพรวมเพื่อใช้ประเมินเบื้องต้นก่อนยื่นขอ เงินกู้ SME หรือ เงินกู้ด่วนเพื่อธุรกิจ
วงเงิน
มักพิจารณาเป็น “เท่าของยอดขาย / กระแสเงินสดหมุนเวียน” เช่น หลายสิบ–หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ของยอดหมุนเวียนเฉลี่ยต่อเดือน
ประเภทวงเงิน
วงเงินหมุนเวียน (OD / วงเงินเบิก–คืนได้)
เงินกู้แบบผ่อนคงที่ (Term Loan สำหรับลงทุน หรือเสริมสภาพคล่องระยะกลาง)
ดอกเบี้ย
แปรผันตามโปรไฟล์ลูกค้า ธุรกิจแข็งแรง เอกสารชัดเจน วินัยการเงินดี → มีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
ระยะเวลา
วงเงินหมุนเวียน: โดยทั่วไป 12–36 เดือน (พิจารณาต่ออายุตามผลงานและประวัติการชำระ)
วงเงินผ่อน: ประมาณ 12–60 เดือน แล้วแต่ลักษณะโครงการและความสามารถชำระคืน
เงื่อนไขสำคัญในการพิจารณา
ผู้กู้/กรรมการไม่ติดเครดิตบูโรในสถานะเสียรุนแรง
ไม่มีค้างชำระเกินระยะเวลาที่ผู้ให้กู้กำหนด
ภาษี–บัญชีสามารถใช้พิสูจน์รายได้และกำไรของกิจการได้อย่างสมเหตุสมผล
ต้องการประเมิน “วงเงินเหมาะสม” ของกิจการตัวเอง → สามารถไปอ่านหน้า วงเงินสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์
การใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME หรือ เงินกู้ด่วนเพื่อธุรกิจ ให้คุ้มค่า ควรมุ่งไปที่กิจกรรมที่ “สร้างกระแสเงินสดหรือช่วยลดต้นทุนอย่างชัดเจน” เช่น
ซื้อวัตถุดิบ / เพิ่มสต๊อก
เพื่อรับดีมานด์ช่วงพีก หรือช่วง High Season เจรจาซื้อเหมาได้ส่วนลดเพิ่ม 2–10% ต่อหน่วย ทำให้กำไรต่อชิ้นสูงขึ้น และลดความเสี่ยงของขาดสต๊อก
สำรองค่าแรงงาน / ค่าขนส่ง / ค่าวัสดุสำหรับงานโครงการ
โดยเฉพาะลูกค้า B2B หรือราชการ ที่มีเทอมชำระ 30–60 วัน ใช้วงเงินสำรองให้การผลิต–ส่งมอบไม่สะดุด รักษา KPI เรื่องเวลาส่งมอบงาน
ปรับปรุงอุปกรณ์ / เครื่องมือ / เครื่องจักรขนาดเล็ก
เช่น เตา เครื่องซีล เครื่องคัดแยก เครื่องบรรจุ ช่วยลดของเสีย เพิ่มผลผลิต คืนทุนได้ในช่วง 6–18 เดือน จากต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง
ทำการตลาด / เปิดจุดขายใหม่ (Pop-up / Kiosk)
ทดลองยิงโฆษณาออนไลน์ 2–4 สัปดาห์ หรือเปิดจุดขายย่อยในทำเลที่มีทราฟฟิกสูง เพื่อทดสอบตลาดก่อนขยายสาขาถาวร
สะพัดกระแสเงินสด (Cash-flow Bridging)
ใช้เป็นวงเงินหมุนเวียน 30–90 วัน ระหว่างรอเก็บเงินลูกหนี้ การแยกบัญชีรับ–จ่ายให้ชัดเจนช่วยให้ควบคุมการผ่อนและดอกเบี้ยได้ดีขึ้น
ซื้อก่อน–จ่ายทีหลังเพื่อรับส่วนลดเงินสด
ใช้วงเงินชำระค่าสินค้าภายในกำหนดเพื่อรับส่วนลด 2–3% จากคู่ค้า ซึ่งในหลายกรณีคุ้มค่ากว่าดอกเบี้ยรายเดือน ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นโดยตรง
ยกระดับมาตรฐาน / ขอใบรับรอง
เช่น อย., GMP, ISO, มอก., มาตรฐานความปลอดภัยสถานประกอบการ เพื่อให้เข้าช่องทางโมเดิร์นเทรด หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ได้ง่ายขึ้น
รีไฟแนนซ์หนี้สั้นดอกเบี้ยสูง
รวมบัตรกดเงินสด โพยก๊วน หรือแฟคตอริ่งบางส่วนมาเป็นก้อนเดียวที่ดอกเบี้ยต่ำลง โครงสร้างหนี้ชัดเจนขึ้น จ่ายเป็นงวดเดียว คุมกระแสเงินสดง่าย
ลงทุนระบบ / ซอฟต์แวร์หลังบ้าน
เช่น POS, WMS, CRM, e-Invoice เพื่อช่วยติดตามลูกหนี้ ลดสต๊อกค้าง และเห็นภาพกระแสเงินสดแบบใกล้เคียงเรียลไทม์
ทิปจากที่ปรึกษา: ไม่ว่าจะใช้ สินเชื่อธุรกิจ SME หรือ เงินกู้ SME ประเภทใด แนะนำให้ใช้กับ “กิจกรรมที่สร้างกระแสเงินสดชัดเจน” (เพิ่มยอดขายหรือช่วยลดต้นทุน) และทำแผนหมุนเงิน 90 วันแบบคร่าว ๆ ทุกครั้ง จะเห็นทันทีว่าวงเงินที่ใช้จะ “คืนตัวเอง” เมื่อไร และช่วยควบคุมดอกเบี้ยให้อยู่ในกรอบที่รับได้ครับ
ก่อนยื่นขอ สินเชื่อธุรกิจ SME หรือ สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ลองใช้เช็กลิสต์ 8 ข้อต่อไปนี้
จดทะเบียนนิติบุคคล หรือผู้ประกอบการตามกฎหมาย มีหนังสือรับรอง / ทะเบียนพาณิชย์
เปิดดำเนินการแล้วอย่างน้อย 6–12 เดือน (หลายสถาบันต้องการ ≥ 12 เดือนขึ้นไป)
ยอดขายมีความสม่ำเสมอ สเตทเมนต์แสดงการเข้า–ออกชัดเจน ไม่มีการหมุนเงินเทียม
มีใบกำกับภาษี ภ.พ.30/50 หรือเอกสารรายได้ที่ตรวจสอบย้อนกลับได้
เครดิตของเจ้าของ / กรรมการ ไม่มีค้างชำระเกิน 90 วัน และไม่มีคดีความร้ายแรงเกี่ยวกับการเงิน
ภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio – DSR) อยู่ในระดับที่รับได้ ไม่ตึงจนเกินไป
มีคู่ค้าจริง พร้อมเอกสารสนับสนุน เช่น PO สัญญา ใบส่งของ ใบกำกับภาษี
เอกสารสำคัญ เช่น ชื่อ–ที่อยู่–เลขนิติบุคคล ตรงกันทุกชุด
ถ้าข้อใด “ยังไม่พร้อม” ยังไม่ควรรีบยื่นขอเงินกู้ทันที การปรับโครงสร้างเอกสารให้เรียบร้อยก่อน 2–4 สัปดาห์ สามารถเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
เอกสารยิ่งครบชัดเจนมากเท่าไร การพิจารณา เงินกู้ด่วนเพื่อธุรกิจ หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ก็จะยิ่งเร็วขึ้น โดยทั่วไปแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1. เอกสารนิติบุคคล
หนังสือรับรองนิติบุคคล (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
วัตถุประสงค์ และรายชื่อผู้มีอำนาจลงนาม
บอจ. แบบต่าง ๆ / ภ.พ.20 / ภ.พ.30 (ถ้ามี)
งบการเงิน / รายงานภาษี
สัญญาเช่าที่ตั้งสำนักงานหรือสถานประกอบการ (ถ้ามี)
2. เอกสารการเงินของกิจการ
สเตทเมนต์บัญชีธุรกิจ 6–12 เดือนย้อนหลัง
ภ.พ.30 / ภ.พ.50
บัญชีรายรับ–รายจ่าย หรือรายงาน POS (ถ้ามี)
3. เอกสารงาน–คู่ค้า
ใบสั่งซื้อ (PO)
สัญญาว่าจ้าง / สัญญาโครงการ
ใบเสนอราคา
ใบส่งของ / ใบกำกับภาษี
4. เอกสารส่วนบุคคลของกรรมการ / ผู้ขอสินเชื่อ
สำเนาบัตรประชาชน / ทะเบียนบ้าน
Statement ส่วนบุคคล (ในบางกรณีที่สถาบันการเงินร้องขอ)
แนะนำให้จัดทำ “แฟ้มเอกสาร” กระดาษ 1 ชุด และ “ไฟล์ PDF” อีก 1 ชุด เรียงลำดับเดียวกัน เพื่อให้ส่งให้ผู้ให้กู้ได้สะดวก และช่วยให้การอนุมัติรวดเร็วขึ้นมาก
เพื่อให้การขอ สินเชื่อธุรกิจ SME หรือ เงินกู้ SME ผ่านได้ไวขึ้น สามารถวางขั้นตอนดังนี้
ดูยอดขายเฉลี่ย 6–12 เดือน
ตรวจสอบกระแสเงินเข้า–ออกในสเตทเมนต์
รวมภาระหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือน
ตรวจเครดิตผู้มีอำนาจลงนามหลัก
ตั้ง “กรอบกันชน” ให้ชัดว่า หลังรวมค่างวดใหม่แล้ว ยังเหลือเงินสดในกิจการเพียงพอ ไม่ดึงตึงจนเกินไป
ถ้ารายได้เป็นเงินสดจำนวนมาก ควรเริ่ม นำฝากเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ 2–4 สัปดาห์ก่อนยื่น เพื่อให้ผู้ให้กู้เห็นภาพกระแสเงินสดที่นิ่งและเป็นระบบ
ชื่อบริษัท ที่อยู่ เลขผู้เสียภาษี และบัญชีธนาคาร ควรตรงกันทุกชุดเอกสาร
รวมไฟล์เป็น PDF ชุดเดียวและเรียงลำดับ เช่น
01_หนังสือรับรอง.pdf
02_ภพ20.pdf
03_Statement.pdf
แนบสรุป 1 หน้า อธิบายยอดผิดปกติในสเตทเมนต์ (ถ้ามี) เพื่อช่วยตอบคำถามล่วงหน้า
ระบุให้ชัดว่า “จะนำไปทำอะไร” และ “คาดว่าจะคืนทุน / คืนเงินกู้จากกระแสเงินสดไหน” เช่น
“เพิ่มสต๊อกวัตถุดิบรับ High Season (คาดว่ายอดขายเพิ่ม +15%) ใช้วงเงินหมุนเวียน 400,000 บาท หมุน 60 วัน ชำระคืนจากยอดขายเดลิเวอรีรายวัน”
เลือกเปรียบเทียบ 2–3 ราย ที่เหมาะกับโปรไฟล์กิจการของคุณ
บันทึกเป็นตารางเปรียบเทียบข้อเสนอ (วงเงิน ดอกเบี้ย ระยะเวลา ค่าธรรมเนียม เอกสารเพิ่มเติม)
หลีกเลี่ยงการ “ยื่นพร่ำหลายที่ในเวลาเดียวกัน” ซึ่งอาจทำให้มีร่องรอยการตรวจสอบเครดิตถี่เกินจำเป็น
ตั้งผู้รับผิดชอบเอกสารหลักเพียงคนเดียว (POC)
ตอบกลับคำขอเอกสารเพิ่มเติมภายใน 24 ชั่วโมง
เตรียม “ชุดเอกสารมาตรฐาน” ไว้ล่วงหน้า เช่น รายชื่อลูกค้าหลัก PO สัญญา ภาพกิจการ รายงาน POS
เอกสารรอบแรกยิ่งครบ รอบติดตามก็จะยิ่งสั้นลงมาก
ในบางกรณี เอกสารธุรกิจอาจยังไม่แข็งแรง หรือขอวงเงินค่อนข้างสูง ผู้ให้กู้อาจเสนอให้มีการค้ำเสริม เช่น ใช้ บสย.ค้ำประกัน หรือมีผู้กู้ร่วม ให้เตรียมข้อมูล ค่าธรรมเนียม เงื่อนไข และเอกสารของผู้ค้ำไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ดีลไม่สะดุดในช่วงปลายทาง
หากคุณกำลังศึกษาเรื่อง สินเชื่อ SME คืออะไร และต้องการเปรียบเทียบทางเลือกของ สินเชื่อธุรกิจ SME และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถอ่านต่อในหัวข้อเหล่านี้ได้
เปรียบเทียบ “สินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน” แต่ละแบบ
กรณีศึกษาเฉพาะอุตสาหกรรม: ร้านอาหาร / ผู้รับเหมาก่อสร้าง / ธุรกิจบริการ / ขนส่งรายเล็ก / ผู้ประกอบการรายใหม่ / ผู้ส่งออก (มีหลักประกัน vs ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน)
เงื่อนไขเฉพาะ: กรณีติดเครดิตบูโร, การใช้บสย.ค้ำประกัน, วิธีเลือกวงเงินเหมาะสม
บทความนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมองภาพรวมของ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และวางกลยุทธ์เตรียมตัวตั้งแต่เอกสารจนถึงการวางแผนกระแสเงินสด เพื่อให้การขอ เงินกู้ SME หรือ เงินกู้ด่วนเพื่อธุรกิจ มีโอกาสอนุมัติไวและเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตระยะยาวของกิจการมากที่สุดครับ.