กลับหน้าแม่ (Hub): → คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
 	ธุรกิจเกษตรมี “ฤดูกาล” และรอบเงินสดเฉพาะทาง ออกแบบวงเงินเป็นชุด: Term/Leasing สำหรับทรัพย์ยาว + OD ตามฤดู + AR/Factoring เร่งเงินเข้า พร้อม DSCR/DSR/LTV และแผน Drawdown ตาม Milestone
รายได้จากภาคเกษตรไม่ได้เข้ามาเป็นรายเดือนเหมือนเงินเดือนประจำ แต่เป็นวัฏจักรที่เริ่มจาก ลงทุนสูงก่อนรายได้จะกลับมา จึงจำเป็นต้องแยกให้ชัดระหว่าง เงินลงทุนระยะยาว กับ ทุนหมุนเวียนตามฤดูกาล
ตัวอย่างรอบเงินสด
พืชไร่/พืชเศรษฐกิจ: เริ่มจากเตรียมดิน–เพาะปลูก (เงินออก) → ดูแลบำรุง (เงินออกต่อเนื่อง) → เก็บเกี่ยว (เริ่มมีเงินเข้า) → รอวางบิล/ชำระจริง (เงินเข้าจริง)
ปศุสัตว์ เช่น ไก่เนื้อหรือสุกร: ซื้อพันธุ์และอาหาร (เงินออก) → เลี้ยงและฉีดวัคซีน (ยังเป็นเงินออก) → ส่งมอบ (เงินเข้า) → รอเครดิตเทอมจากผู้ซื้อ
การแปรรูปหรือโรงคัดบรรจุ: ซื้อวัตถุดิบตามฤดู (เงินออกก้อนใหญ่) → แปรรูปและสต็อกสินค้า → ขายและวางบิล (เงินเข้าหลังเครดิตเทอม)
ผลต่อการเงิน: จะมีบางช่วงที่เกิด “หุบเหวเงินสด” หรือช่วงที่รายได้ยังไม่เข้ามา จึงไม่ควรใช้แหล่งเงินกู้แบบเดียวแก้ปัญหาทั้งหมด แต่ควรออกแบบ ชุดวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ให้สอดคล้องกับรอบการทำงานจริง
แนวคิดหลัก
การลงทุนระยะยาว เช่น โรงเรือน เครื่องจักร → ใช้สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบระยะยาว (Term Loan) หรือการเช่าซื้อ (Leasing/Hire Purchase)
ช่องว่างเงินสดตามฤดู → ใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD: Overdraft)
การรอรับเงินจากลูกค้ารายใหญ่ → ใช้การขายสิทธิจากใบแจ้งหนี้ (Factoring หรือ AR Financing)
เป้าหมายคือให้ธุรกิจมีความสามารถชำระหนี้จากเงินสด (DSCR) อยู่ราว 1.2–1.3 เท่าขึ้นไป และรักษาสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ให้อยู่ในกรอบปลอดภัย โดยไม่ต้องใช้ OD เต็มวงเงินตลอดเวลา
ลงทุนระยะยาว
ใช้สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบลงทุน (Investment Loan) สำหรับสิ่งปลูกสร้าง เครื่องอบ เครื่องคัดบรรจุ ระบบน้ำ หรือโซลาร์
ควรกำหนดช่วงผ่อนเบา (Grace Period) ระหว่างก่อสร้าง และปรับค่างวดตามฤดูเก็บเกี่ยว (Seasonal Repayment)
เบิกเงินกู้เป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้างาน เช่น สั่งซื้อ → ส่งมอบ → ติดตั้ง → ทดสอบ เพื่อลดดอกเบี้ยที่จ่ายโดยไม่ก่อรายได้
เครื่องจักรและยานพาหนะ
ใช้ Leasing หรือ Hire Purchase ตรวจสอบเงื่อนไข เช่น Balloon หรือ Residual ให้ค่างวดไม่กดดันในช่วงแรก และพิจารณาผลทางภาษีควบคู่
ทุนหมุนเวียนตามฤดูกาล
ใช้วงเงิน OD โดยตั้งวงเงินตามสูตร: ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือน × 1.0–1.5 + สำรอง 10–20% และอ้างอิงรอบปลูกจริง
ควรมีกติกาลดหรือปิด OD ทุกไตรมาส หรือหลังฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อรักษาวินัยทางการเงิน
ใช้ Factoring เพื่อเร่งเงินสดจากใบแจ้งหนี้ที่ต้องรอเครดิตเทอม 30–90 วัน จะช่วยลดการพึ่ง OD เต็มวงเงิน
ลิงก์อ่านต่อ (ต่าง intent ภายในคลัสเตอร์ “เพื่อธุรกิจ”)
→ เสริมสภาพคล่อง (OD/Working Capital): สูตร OD/Factoring ที่ใช้ได้จริง
→ เช่าซื้อ / Leasing: รักษากระแสเงินสดสำหรับอุปกรณ์/ยานพาหนะ
ตั้งวงเงิน OD ตามฤดู
ใช้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3–6 เดือนก่อนเก็บเกี่ยว × 1.0–1.5 + สำรอง 10–20%
หากรอบการได้เงินยาว 60–90 วัน ต้องเพิ่มสำรอง และวางแผนปิด OD หลังได้เงินก้อนใหญ่
ตัวอย่าง
 ธุรกิจแปรรูปมันสำปะหลัง มีค่าใช้จ่ายคงที่ 450,000 บาท/เดือน และรอบเก็บเงิน 60 วัน → แนะนำ OD ตั้งต้น = 450,000 × 1.2 + 10% ≈ 594,000 บาท พร้อมใช้ Factoring จากใบแจ้งหนี้ของลูกค้าองค์กรช่วงพีก เพื่อไม่ต้องใช้ OD เต็มจำนวน
ควบคุมความสามารถชำระหนี้
DSCR (เงินสดจากการดำเนินงาน ÷ ค่างวดรวม) → ตั้งเป้า ≥ 1.2–1.3 และแม้รายได้ลดลง 20% ก็ควรยังไม่ต่ำกว่า 1.0
DSR (ค่างวด ÷ รายได้เฉลี่ย) → ควรอยู่ไม่เกิน 50–60%
ควรออกแบบค่างวดให้ช่วงโลว์ซีซันผ่อนเบากว่า
การประเมินหลักประกัน (LTV: วงเงิน ÷ มูลค่าทรัพย์)
ยิ่ง LTV ต่ำ ความเสี่ยงยิ่งน้อย และมีโอกาสได้เงื่อนไขดีกว่า แต่หากค่างวดสูงเกินไป ควรยืดระยะผ่อนหรือปรับแผนลงทุน
✨ สรุปคือ ภาคเกษตรมีลักษณะรายได้ไม่ต่อเนื่อง จึงควรใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ หลายประเภทประกอบกัน ทั้งสินเชื่อระยะยาว วงเงินหมุนเวียนตามฤดู และการเร่งเงินสดจากลูกหนี้ เพื่อช่วยให้ผ่านช่วง “หุบเหวเงินสด” และสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง
แพ็กเอกสารให้ “เล่าเรื่องเดียวกัน”
งบการเงิน/ภาษี/สเตทเมนต์ 6–12 เดือน (ถ้าฤดูกาลหนัก ให้โชว์ค่าเฉลี่ยรายฤดู)
สัญญาซื้อขาย/PO/บันทึกความร่วมมือ กับผู้ซื้อผลผลิต/โรงงานปลายทาง/โมเดิร์นเทรด/ผู้ส่งออก
บันทึกผลผลิตย้อนหลัง (ตัน/ไร่ หรือ FCR/อัตราการเจริญเติบโตสำหรับปศุสัตว์)
เอกสารทรัพย์: ใบเสนอราคา–สเปกเครื่องจักร/รถ, ตารางติดตั้ง–ทดสอบ, ใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง
แผนกระแสเงินสด 6–12 เดือน แยกเดือนพีก/โลว์ และ Scenario ±20%
(ถ้ามี) ประกันภัยทรัพย์/ประกันผลผลิต หรือสัญญาซัพพลายสำรอง
วาง Drawdown ตาม Milestone
สั่งซื้อ → ส่งมอบ → ติดตั้ง → ทดสอบ → ใช้งานจริง
เบิกเป็นงวดเพื่อ จ่ายดอกเฉพาะที่เบิกแล้ว ลดต้นทุนช่วงก่อนอุปกรณ์สร้างเงินสด
ความเสี่ยงด้านผลผลิต
สภาพอากาศ/ศัตรูพืช/โรคระบาด → ใช้ ประกันภัย/สัญญาซัพพลายสำรอง/แผนบำรุงรักษา
Diversification: กระจายชนิดพืช/ล็อตเลี้ยง เพื่อลดความผันผวน
ความเสี่ยงด้านราคา
ทำ สัญญาซื้อ–ขายล่วงหน้า กับผู้ซื้อหลัก (ถ้าอุตสาหกรรมรองรับ)
คุย สูตรราคาอิงดัชนี (เช่น ราคาเฉลี่ยตลาด) เพื่อป้องกันราคาดีดลงแรง
วินัยทางการเงินหลังอนุมัติ
ติดตาม DSCR/DSR รายเดือนเทียบแผน หากต่ำกว่าเป้าให้รีวิว Step-up/Seasonal หรือยืด tenor อย่างมีเหตุผล
ทำจริงตามแผน ปิด/ลด OD รายไตรมาส และเก็บหลักฐานการชำระไว้ (ช่วยตอนรีวิววงเงินรอบถัดไป)
วาง Maintenance plan สำหรับเครื่องจักร/ยานพาหนะ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาค่าซาก
กรณีตัวอย่างสั้น
โรงคัดบรรจุผลไม้ที่ต้องซื้อวัตถุดิบก้อนใหญ่ช่วงฤดู: ใช้ Term สำหรับไลน์คัด/เย็นจัด, OD ฤดูกาล ครอบค่าวัตถุดิบ, และ AR เฉพาะใบแจ้งหนี้ไปโมเดิร์นเทรด → ผลคือเงินสดลื่นไหล DSCR ไม่หลุดเป้า
เช็กลิสต์ก่อนยื่น
กำหนด รอบปลูก/เลี้ยง/เก็บเกี่ยว ชัด พร้อม Cash-flow 6–12 เดือน แยกพีก/โลว์
DSCR ฐาน ≥ 1.2–1.3 และ กรณี −20% ≥ 1.0; DSR อยู่ในกรอบ
วงเงิน OD ฤดูกาลพอดี + แผน ปิด/ลดรายไตรมาส
โครงสร้าง Term/Leasing สอดคล้อง Milestone + Grace/Step-up/Seasonal
LTV บนทรัพย์อยู่ในช่วงเหมาะสม พร้อมเอกสารทรัพย์ครบ
หลักฐานความเสี่ยง/ทางหนี: ประกัน/สัญญาซื้อขาย/ซัพพลายสำรอง
ลิงก์อ่านต่อ (ภายในคลัสเตอร์ “เพื่อธุรกิจ”)