กำลังมองหา สินเชื่อธุรกิจ SME “ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” อยู่หรือไม่? → คู่มือสินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์
สินเชื่อเพื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการบริหาร แหล่งเงินทุน ของธุรกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นการ กู้เงินเพื่อธุรกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น ลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว ขยายกิจการ หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เจ้าของกิจการสามารถเลือก กู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบมีและไม่มีหลักประกันให้เหมาะกับโครงสร้างรายได้และความเสี่ยงของกิจการ
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่พบได้บ่อย เช่น วงเงินหมุนเวียนเพื่อค่าใช้จ่ายประจำวัน (OD, P/N), สินเชื่อระยะยาว (Term Loan) สำหรับลงทุนโครงการหรือซื้อทรัพย์สิน, สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก สำหรับร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเริ่มลงทุนทีละขั้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ค้ำประกันต่าง ๆ เช่น หนังสือค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ทั้งจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ สถาบันการเงินของรัฐ ไปจนถึงผู้ให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่
เมื่อเข้าใจทางเลือกของ แหล่งเงินทุน เหล่านี้ และเลือกใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกระแสเงินสดของธุรกิจ การกู้เงินเพื่อธุรกิจจะไม่ใช่ภาระ แต่กลายเป็น “คันโยก” สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว.
ส่วนนี้เป็นทางลัดสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมองภาพรวมอย่างรวดเร็ว ว่า “ควร กู้เงินเพื่อธุรกิจ แบบใด” ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกระแสเงินสดของกิจการ
ใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ประเภทวงเงินหมุนเวียน เช่น
OD / Working Capital / วงเงินเสริมสภาพคล่อง
Factoring / AR Financing (ดึงเงินจากใบแจ้งหนี้ล่วงหน้า)
เหมาะสำหรับใช้จ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าใช้จ่ายประจำ ระหว่างรอรอบเก็บเงินจากลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจ B2B ที่มี PO/Invoice แล้วแต่รอบเก็บเงินยาว 30–90 วัน
เลือก OD เมื่อกิจการต้องการความยืดหยุ่น จ่ายดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินที่ใช้จริง
เลือก Factoring/AR Financing เมื่อมีใบแจ้งหนี้ชัดเจน ต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสดล่วงหน้า ~70–90% ของยอด เพื่อรักษากระแสเงินสดต่อเนื่อง
→ ลิงก์ไปหน้า “เสริมสภาพคล่อง”
ใช้ กู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ประเภท Term Loan / Investment Loan ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก ไปจนถึงโครงการลงทุนมูลค่าสูง โดยมักใช้กับ
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (อาคาร โรงงาน โกดัง)
การลงทุนในเครื่องจักรและไลน์ผลิต
การขยายสาขา / Renovate ร้าน / ลงทุนระบบ
แนวคิดสำคัญคือ “ผ่อนยาว วางแผนค่างวดให้เหมาะกับรายได้ในอนาคต” และสามารถออกแบบโครงสร้าง เช่น
Grace Period (ผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยช่วงแรก) สำหรับช่วงที่รายได้ยังไม่เต็มที่
Step-up Payment (ค่างวดเพิ่มตามรายได้) ให้สอดคล้องกับวงจรการเติบโตของธุรกิจ
→ ลิงก์ไปหน้า “ลงทุนในสินทรัพย์”
กรณีต้องการ กู้เงินเพื่อธุรกิจ เพื่อซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือไลน์ผลิต แนะนำให้เตรียมข้อมูลให้พร้อมตั้งแต่ต้น เพื่อให้อนุมัติได้เร็วและได้วงเงินเหมาะสม เช่น
ใบเสนอราคา (Quotation) และสเปกเครื่องจักรละเอียด
แผนการติดตั้งและแผนการใช้งานจริง
ตัวเลขคาดการณ์ “ก่อน–หลังลงทุน” เช่น
เพิ่มกำลังผลิตได้กี่เปอร์เซ็นต์
ลดต้นทุนต่อหน่วยได้เท่าไร
ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)
เมื่อสามารถแสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรช่วยให้ DSCR ดีขึ้น (มีกระแสเงินสดเพิ่ม) จะช่วยให้ธนาคารประเมินสินเชื่อเพื่อธุรกิจได้ในระดับที่เหมาะสม และมีโอกาสอนุมัติสูงขึ้น
→ ลิงก์ไปหน้า “ซื้อเครื่องจักร อนุมัติง่าย”
กรณีต้องการใช้สินทรัพย์โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดก้อนใหญ่ upfront การใช้ เช่าซื้อ (Hire Purchase) หรือ Leasing เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหาร แหล่งเงินทุน
เช่าซื้อ (Hire Purchase)
ผ่อนชำระเป็นงวด ใช้งานทรัพย์สินได้ทันที และเมื่อครบสัญญาโดยมากจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์
Leasing
ใช้ทรัพย์สินโดยจ่ายค่าเช่าเป็นงวด ปลายสัญญาสามารถเลือกต่อสัญญา ซื้อ หรือคืนแล้วแต่เงื่อนไข
สิ่งที่ควรตรวจสอบอย่างละเอียด ได้แก่
เงื่อนไข Residual/Buyout/Balloon ตอนสิ้นสุดสัญญา
การบันทึกภาษีซื้อ/ภาษีขาย และผลกระทบด้านภาษีของธุรกิจ
→ ลิงก์ไปหน้า “เช่าซื้อ”
ไม่ว่าจะเป็นการ กู้เงินเพื่อธุรกิจ ครั้งแรก หรือการขยายวงเงินเดิม ปัจจัยสำคัญคือ
ระดับ DSCR (ความสามารถชำระหนี้)
ระดับ LTV (วงเงินเทียบมูลค่าหลักประกัน)
ความโปร่งใสของเอกสารรายได้และภาษี
แนวทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสวงเงินมากขึ้น เช่น
ทำรายได้–ค่าใช้จ่ายให้โปร่ง ตรวจสอบได้ เดินบัญชีให้สะท้อนธุรกรรมจริง
แนบหลักฐานออเดอร์/สัญญางาน ที่แสดงกระแสเงินสดในอนาคต
ระบุหลักประกันที่พร้อมใช้ เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร หรือทรัพย์สินอื่นที่ตีมูลค่าได้
→ ลิงก์ไปหน้า “วงเงินสูง ได้ไม่ยาก”
ใช้ข้อมูลจากระบบ POS, Food Cost, ยอดเดลิเวอรี เพื่อออกแบบวงเงินให้สอดคล้องฤดูกาลขาย หากมีใบแจ้งหนี้จากแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่จ่ายช้า สามารถใช้ OD หรือ Factoring ช่วยปิดช่องว่างเงินสด
→ ลิงก์ไปหน้า “ร้านอาหาร”
จัดโครงสร้าง แหล่งเงินทุน ตามวัฏจักรการผลิต
PO → Raw Material → WIP → FG → AR
ใช้ OD ครอบคลุมต้นทุนหมุนเวียน
ใช้ Term Loan สำหรับเครื่องจักร/ไลน์ผลิต
แนบสัญญา/PO ยืนยันกระแสเงินสดที่คาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อให้การกู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจมีข้อมูลรองรับชัดเจน
→ ลิงก์ไปหน้า “โรงงานยุคใหม่”
ธุรกิจที่ผลิตตามออร์เดอร์ล็อตสั้น ต้องการวงเงินหมุนเวียนที่ยืดหยุ่นสูง เช่น
ใช้ OD ระยะสั้นเพื่อซื้อวัตถุดิบและบริหารรอบผลิต
ใช้ Factoring ใบแจ้งหนี้เมื่อลูกค้าจ่ายช้า เพื่อลดช่องว่างรอเงินเข้า
ควรจัดแผนสต๊อกและรอบผลิตให้ชัดเจน เพื่อลดดอกเบี้ยเกินจำเป็น และทำให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจถูกใช้ไปกับกิจกรรมที่สร้างกระแสเงินสดจริง
→ ลิงก์ไปหน้า “การผลิตระยะสั้น”
การ กู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นวงเงินขนาดใหญ่หรือ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก ควรประเมิน “เพดานที่รับได้” เพื่อไม่ให้กระทบสภาพคล่องในระยะยาว
DSCR ≈ เงินสดจากการดำเนินงานต่อเดือน ÷ ค่างวดหนี้รวมต่อเดือน
ตัวอย่าง:
เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน ~120,000 บาท/เดือน
ตั้งเป้า DSCR ≥ 1.5
ค่างวดรวมที่รับไหว ≈ 120,000 ÷ 1.5
คำนวณทีละขั้น:
1.5 = 3/2
120,000 × 2/3 = 240,000 ÷ 3 = 80,000 บาท/เดือน
ดังนั้น ธุรกิจควรกำหนดเพดานค่างวดหนี้รวมไม่เกิน ~80,000 บาท/เดือน เพื่อรักษาความปลอดภัยของกระแสเงินสด
LTV = วงเงินสินเชื่อ ÷ มูลค่าหลักประกัน
LTV ใช้คู่กับ DSCR เพื่อประเมินทั้ง “ด้านรายได้” และ “ด้านทรัพย์สิน”
ตัวอย่างย่อ:
ทรัพย์สินมูลค่า 5 ล้านบาท
กำหนด LTV 80%
วงเงินอิงหลักประกัน ≈ 4 ล้านบาท
แต่ยังต้องผ่านเกณฑ์ DSCR ด้วย จึงจะถือเป็นโครงสร้าง แหล่งเงินทุน ที่เหมาะสม ไม่ดึงตึงจนเกินไป
การเตรียมเอกสารครบถ้วนช่วยให้การ กู้เงินเพื่อธุรกิจ หรือการขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจอนุมัติไว มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
เอกสารจดทะเบียนธุรกิจ / หนังสือรับรอง / รายชื่อผู้มีอำนาจลงนาม
สเตทเมนต์บัญชี (ธุรกิจ) 6–12 เดือนย้อนหลัง
งบการเงิน / เอกสารภาษี (ถ้ามี) เช่น ภ.พ.30, ภ.พ.50, ภ.ง.ด.
ใบเสนอราคาและสเปก (กรณีเป็น สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก หรือซื้อสินทรัพย์)
ข้อมูลหลักประกัน (โฉนด, เล่มทะเบียน, รายการทรัพย์สินอื่น)
แผนใช้เงินและแผนชำระคืน (ฉบับย่อแต่มีตัวเลขชัดเจน)
หลักฐานออร์เดอร์/สัญญางาน/PO (ถ้ามี) เพื่อยืนยันกระแสเงินสดในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้น กู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ใหม่ หรือการปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุนเดิม สามารถใช้แนวทางต่อไปนี้เป็นกรอบคิด
กำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน
เสริมสภาพคล่อง / ลงทุนในสินทรัพย์ / เปิดสาขา / รีไฟแนนซ์หนี้เดิม
ประเมินต้นทุนรวมของแหล่งเงินทุน
ดอกเบี้ย + ค่าธรรมเนียม + เงื่อนไขเบิกใช้ + เบี้ยปรับไถ่ถอนก่อนกำหนด
จับคู่กับกระแสเงินสดของธุรกิจ
รายได้ขึ้นลงมาก → เน้นวงเงินหมุนเวียน (OD/TR/LC/Factoring)
ลงทุนยาว–คืนทุนช้า → ใช้ Term / Investment Loan
ดูผลต่อ DSR และสภาพคล่อง
ภาระผ่อนรวมหลังจากกู้เพิ่มต้องยังอยู่ในกรอบปลอดภัย
เปรียบเทียบผู้ให้กู้หลายราย
พิจารณาความเร็วในการอนุมัติ ความยืดหยุ่น วงเงิน และชุดเอกสารที่ต้องใช้
OD / Working Capital
ยืดหยุ่นสูง จ่ายดอกเบี้ยเฉพาะจำนวนเงินที่ใช้จริง
เหมาะกับการอุดช่องว่างกระแสเงินสดระยะสั้น
Factoring / AR Financing
ดึงเงินจากใบแจ้งหนี้ล่วงหน้า เหมาะเมื่อต้องรอเงิน 30–90 วัน
ช่วยให้ไม่ต้องดึงวงเงิน OD เต็มวงเสมอไป
Term / Investment Loan
ผ่อนยาว ใช้กับ CapEx หรือการขยายกิจการ
สามารถวางโครง Grace / Step-up ให้ตรงกับรายได้ในอนาคต
เช่าซื้อ / Leasing
ใช้ทรัพย์สินได้ทันที ช่วยรักษาสภาพคล่องเงินสด
ต้องตรวจเงื่อนไข residual / balloon / ภาษีอย่างละเอียด
ต้องการความช่วยเหลือประเมิน DSCR, เปรียบเทียบแหล่งเงินทุน และจัดชุดเอกสารเพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติ?
ติดต่อที่ปรึกษาของเรา เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะธุรกิจของคุณได้ทันที