สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ ปี 2567 vs 2568

ภาพรวม: อะไรต่างในปี 2568 เมื่อเทียบกับ 2567

ในสินเชื่อ ไม่มีหลักทรัพย์ (Unsecured) น้ำหนักการตัดสินใจยังอยู่ที่ “ความสามารถชำระคืนจากกระแสเงินสด” แต่ในปี 2568 มี 3 สัญญาณที่เห็นชัดขึ้น

• หลักฐานรายได้ที่ตรวจสอบได้: ผู้ให้บริการให้ความสำคัญกับ รายการเดินบัญชี 6–12 เดือน ที่สม่ำเสมอ และเอกสารการค้า (PO/ใบเสนอราคา/สัญญา/Invoice) ที่สอดคล้องกันมากขึ้น

• เล่าเรื่องทางการเงินแบบย่อหน้าเดียว: ต้องอธิบายให้เห็น “ใช้เงินไปทำอะไร–ได้เงินเข้าเมื่อไร–คืนเมื่อไร” ให้สัมพันธ์กับเครดิตเทอมของลูกค้า

• ความพอดีของวงเงิน: วงเงินที่ตั้ง “ตามการใช้จริง + กันสำรอง 10–15%” มีโอกาสผ่านสูงกว่า เพราะสะท้อนวินัยและลดความเสี่ยง over-leverage

(เราหลีกเลี่ยงการซ้ำกับหน้า ‘อนุมัติง่าย’ โดยไม่ทำเช็กลิสต์เอกสารยาว—ถ้าผู้อ่านต้องการรายละเอียด ให้คลิกไปหน้าเจ้าของคีย์)

เกณฑ์พิจารณาหลักในปี 2568 (เทียบใจความจาก 2567)

• เดินบัญชีที่ “เล่าเรื่องเดียวกัน” กับเอกสาร: เงินเข้า–ออกต้องสัมพันธ์กับ PO/Invoice และฤดูกาลขายของกิจการ ลดการถอนเงินสดก้อนใหญ่ถี่ ๆ เพื่อให้ภาพรายได้จริงชัด

• DSCR/DSR ที่สมเหตุสมผล:

  • DSCR (Debt Service Coverage Ratio = รายรับเพื่อชำระหนี้ ÷ ภาระหนี้ต่อเดือน) ยิ่งมากกว่า 1.x ยิ่งดี

  • DSR (Debt Service Ratio = ภาระหนี้ต่อเดือน ÷ รายได้ต่อเดือน) ยิ่งต่ำยิ่งผ่อนคลาย
    วิธีปรับเร็ว: ลดหนี้สั้นดอกแพงที่ไม่จำเป็น, ขยับวันตัดงวดให้ “หลังวันรับเงิน 3–7 วัน”

• คุณภาพลูกหนี้การค้า (Aging): บิลเกินกำหนดจำนวนมากจะกดวงเงิน ดูแผนลดค้างเกิน 60–90 วัน

• ความต่อเนื่องของลูกค้าหลัก: มี 2–4 รายสั่งซ้ำต่อเนื่อง—แสดงสัญญา/ PO ที่ต่ออายุเพื่อคาดการณ์เงินเข้า

• ความพอดีของผลิตภัณฑ์: ค่าใช้จ่ายถี่ = วงเงินหมุนเวียน/OD, ลงทุนยาว = Term/เช่าซื้อ (HP), วางบิล/เครดิตเทอม = แฟคตอริ่ง (Factoring) — เลือกให้ตรงตั้งแต่แรก กระบวนการจะเดินเร็วและแม่นยำกว่า

วงเงินและผลิตภัณฑ์ที่ SME ควรจับคู่ (ปี 2568 ให้ตรงงานยิ่งกว่าเดิม)

• หมุนถี่–ใช้แล้วคืน: วงเงินหมุนเวียน/OD (ดึง–ใช้–คืนตามรอบขาย)

• ลงทุนใช้นาน: Term เพื่อการลงทุน หรือ เช่าซื้อ/ลิสซิ่ง สำหรับเครื่องจักร/ยานพาหนะ (อย่าใช้ OD ไปโปะของยาว)

• วางบิล/เครดิตเทอม: แฟคตอริ่ง เปลี่ยนสิทธิรับเงินเป็นเงินสดเร็วขึ้น ควรคัดลูกค้าที่ประวัติชำระดีและเอกสารครบ

• ค้าต่างประเทศ: Pre-Export / Post-Export / รับซื้อลดตั๋ว—เอกสารการค้าต้องสอดคล้อง (BL/AWB/Invoice/LC)

จุดต่างจาก 2567 คือ “ความแม่นยำของการจับคู่” สำคัญขึ้น—เลือกถูก งานเดินไว วงเงินตั้งได้พอดี ไม่ต้องแก้คำขอหลายรอบ

ตัวอย่าง “แผนเงินสดย่อหน้าเดียว”

คำว่า “เล่าเรื่องการเงินให้ธนาคารอ่านออก” มักติดที่ไม่รู้จะเขียนอย่างไร แนะนำใส่บล็อกนี้เพิ่มในบทความ เพื่อให้ผู้อ่านหยิบไปใช้ได้เลย และสอดคล้องธีม 2567 vs 2568 ที่เน้นความแม่นในเอกสาร–เงินเข้า–เงินออก

กรณี A: เพิ่มสต็อกฤดูกาล (ไม่มีหลักทรัพย์)
“ขอวงเงินหมุนเวียน 1.2 ล้านบาท ใช้ซื้อสต็อกช่วงพ.ย.–ธ.ค. (รอบใช้เงิน: สัปดาห์ที่ 2–6) ยอดขายเข้าจริงผ่านโอน/QR ภายใน 35–45 วัน ตั้งเป้าหมุน 2 รอบ/ไตรมาส เงินเข้าเฉลี่ย 900,000–1,100,000 บาท/รอบ ปิดยอดคงค้างทุกสิ้นไตรมาส คาด DSCR หลังรับเงิน >1.25 มีกันชนเงินสด 12%”

กรณี B: ซื้อเครื่องจักรใหม่ (งวดไม่ตึง)
“ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจระยะยาว 2.8 ล้านบาท สำหรับเครื่องแพ็กกิ้ง (อายุใช้งาน 7–10 ปี) งวดคงที่ 60 เดือน ตั้งงวดเบา 3 เดือนแรก รายได้เพิ่มขึ้นจากกำลังผลิต +25–30% ตั้งแต่เดือนที่ 2 เงินเข้า/ออกสอดคล้องสัญญาซื้อขาย 3 รายหลัก DSCR โปรเจกต์ >1.3 กันชนเงินสด 10–15%”

กรณี C: รับดีลเครดิตเทอม 60–90 วัน (เร่งเงินเฉพาะบิลคุ้ม)
“ขอวงเงินเร่งเงินจากใบแจ้งหนี้ 1.0 ล้านบาท ใช้เฉพาะบิลมาร์จิน ≥18% จากลูกค้าองค์กร 3 ราย (อดีตจ่ายตรงเวลา 12/12 งวด) วงจรเงิน: ออก Invoice วันส่งมอบ + เร่งเงิน 80–90% ภายใน 3 วัน แล้วปิดเมื่อผู้ซื้อจ่ายจริง ภาระดอกเฉลี่ยต่อบิล <ระยะเวลาเก็บเงิน 40–60 วัน> คุม EIR ทั้งโครงการ <15% ต่อปี”

วิธีใช้บล็อกนี้ให้คุ้ม

• ปรับตัวเลขให้ตรงรอบงานจริง (ใช้คำง่าย ๆ: จะใช้เงิน “เมื่อไร–กับอะไร–เงินเข้าเมื่อไร–เหลือกันชนเท่าไร”)

• แนบหลักฐาน: ใบเสนอราคา/PO/สเตทเมนต์ 6–12 เดือน/รูปทรัพย์ที่จะซื้อ ให้ “เล่าเรื่องเดียวกัน”

• ปิดท้ายย่อหน้าเดียวด้วย “เป้าหมายที่วัดผลได้” เช่น % เพิ่มรายได้, วันปิดบิล, เป้า DSCR และกันชนเงินสด

Roadmap 90 วัน (เวอร์ชัน 2568): เพิ่มความพร้อมสู่ “วงเงินเหมาะ–อนุมัติไหลลื่น”

• วัน 1–7: สร้างเรื่องเล่าทางการเงิน
  เขียน “แผนเงินสด 6–12 เดือน” เป็นย่อหน้าเดียว: จะใช้เงินทำอะไร/เงินเข้าเมื่อไร/วันคืนเงิน ตั้งหลักฐานประกอบคือ PO/ใบเสนอราคา/สัญญาที่เกี่ยว

• วัน 8–30: ปรับเดินบัญชีให้สม่ำเสมอ
  แยกบัญชีธุรกิจ–ส่วนตัว, ลดถอนสดก้อนใหญ่, ทำสรุปรายเดือนจำลอง “รอบเงินจริงเข้า–ออก” ตามเครดิตเทอมลูกค้า

• วัน 31–60: แต่ง DSR/DSCR ให้ดีขึ้น
  ปิดวงเงินสั้นดอกแพงที่แทบไม่ใช้, รวมภาระเล็ก ๆ ให้เหลือก้อนที่ถูกกว่า (ถ้าเหมาะ), ขยับวันตัดงวดให้ “หลังวันรับเงิน 3–7 วัน”

• วัน 61–90: เตรียมแฟ้มเดียว–พรีสกรีน 2–3 ราย
  แฟ้มประกอบด้วย: เดินบัญชี 6–12 เดือน, PO/ใบเสนอราคา/สัญญา, Invoice ล่าสุด, สรุป aging ลูกหนี้, รูปกิจการหรือทรัพย์ที่จะซื้อ, แผนเงินสดย่อหน้าเดียว—ใช้อันเดียวกับทุกผู้ให้บริการเพื่อเทียบผลอย่างยุติธรรม

กรณีศึกษา: ผู้ผลิตของฝากท้องถิ่น—จาก “วงเงินไม่พอ” สู่ “แฟ้มเอกสารที่เล่าเรื่องเดียวกัน”

ปี 2567 ทีมผู้ผลิตรายนี้มียอดขายดีแต่ใช้บัญชีส่วนตัวผสมธุรกิจ ถอนสดก้อนใหญ่เป็นระยะ ทำให้วงเงินขอเพิ่มไม่ผ่าน พอเข้าสู่ต้นปี 2568 เราชวน “จัดเรื่องเล่าทางการเงิน” ใหม่ทั้งหมด เขา

1. แยกบัญชีธุรกิจอย่างเด็ดขาด โอนเข้า–จ่ายออกผ่านบัญชีนี้เท่านั้น

2. เก็บ PO และใบเสนอราคา จาก 3 แบรนด์ที่สั่งซ้ำ พร้อม Invoice 3 งวดล่าสุด

3. ทำ แผนเงินสดย่อหน้าเดียว วางรอบ “ใช้–เข้า–คืน” สำหรับดีลซีซันท่องเที่ยว

4. ปรับวันตัดงวดเดิมให้ “หลังวันรับเงิน 5 วัน” และปิดวงเงินบัตร 1 ใบที่ไม่ใช้
   จากนั้นยื่นพรีสกรีนสองผู้ให้บริการด้วยแฟ้มเดียวกันทั้งชุด ผลคือ อนุมัติหลักการ จากทั้งสองเจ้า โดยข้อเสนอที่สุดท้ายเลือกมีวงเงินสูงขึ้นราว 1.8× เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหตุผลหลักที่ระบุคือ “เอกสารทุกใบสอดคล้องกับบัญชี” และแผนเงินสดที่ชัดเจน ปี 2568 จึงไม่ใช่ปีที่เข้มงวดขึ้นเฉย ๆ แต่เป็นปีที่ธุรกิจที่เล่าเรื่องชัด—เดินผ่านเร็วกว่า

เช็กลิสต์ 8 ข้อ (ฉบับ 2568) เพื่อเพิ่มโอกาสได้วงเงิน “พอดี–พร้อมใช้”

• เดินบัญชีให้สะท้อนยอดขายจริง ลดถอนสดก้อนใหญ่ถี่ ๆ

• รวบรวม PO/ใบเสนอราคา/สัญญา/Invoice ที่สัมพันธ์กับดีลที่จะใช้เงิน

• ทำ แผนเงินสด 6–12 เดือน (ย่อหน้าเดียว) ระบุ “ใช้–เข้า–คืน” ให้สัมพันธ์เอกสาร

• ปรับ DSCR/DSR: ลดหนี้สั้นดอกแพง, ขยับวันตัดงวดให้หลังวันรับเงิน

• ทำสรุป aging ลูกหนี้ พร้อมแผนลดบิลเกินกำหนด

• เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงงาน (OD/Term/เช่าซื้อ/แฟคตอริ่ง/ส่งออก)

• ใช้ “แฟ้มเดียวกัน” ยื่นพรีสกรีน 2–3 รายเพื่อเทียบเงื่อนไข

• จัดภาพกิจการ/ทรัพย์ที่จะซื้อแนบแฟ้ม เพื่อเพิ่มบริบทคุณภาพ

ต้องการเช็กลิสต์อนุมัติแบบละเอียด (ทุกเอกสาร) → ไปหน้า สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก อนุมัติง่าย [ใส่ลิงก์จริง] เพื่อไม่ให้บทความนี้ซ้ำซ้อน

ข้อควรเลี่ยง (Common Pitfalls)

• ใช้วงเงินสั้น (OD) ไปลงทุนยาว—จะทำให้เงินสดตึงและภาพบัญชีเสีย

• เอกสารไม่เล่าเรื่องเดียวกัน: PO–Invoice–หลักฐานส่งมอบไม่สอดคล้องกับบัญชี

• ขอวงเงิน “เผื่อ ๆ” เกินการใช้จริง—เสี่ยงถูกตั้งคำถามและเสียเวลาแก้แฟ้ม

• ไม่แยกบัญชีธุรกิจ–ส่วนตัว ทำให้กำหนด DSCR/DSR ได้ไม่แม่น

FAQ (อัปเดตให้สอดคล้องปี 2568)

ถาม: ปี 2568 ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ วงเงินพิจารณาจากอะไรเป็นพิเศษ?
ตอบ: กระแสเงินสดที่พิสูจน์ได้ผ่านบัญชี, ความต่อเนื่องลูกค้าหลัก, DSCR/DSR, aging ลูกหนี้, และเอกสารการค้าที่เล่าเรื่องเดียวกันกับบัญชี

ถาม: ทำอย่างไรให้คำขอ “เดินไว” โดยไม่ซ้ำกับหน้า ‘อนุมัติง่าย’?
ตอบ: เตรียมแฟ้มเอกสารที่เกี่ยวกับ “ดีลจริง” เท่านั้น (บัญชี 6–12 เดือน + PO/ใบเสนอราคา/Invoice + แผนเงินสดย่อหน้าเดียว) แล้วยื่นพรีสกรีน 2–3 รายด้วยแฟ้มเดียวกัน—ขั้นตอนเต็มเรื่องความเร็วไปอ่าน ผ่านง่าย อนุมัติไว [ใส่ลิงก์จริง]

ถาม: จะรู้ได้อย่างไรว่าเลือกผลิตภัณฑ์ตรงงาน?
ตอบ: ดู “จุดที่เงินติดขัด”: ค่าใช้จ่ายถี่ → OD, ลงทุนใช้นาน → Term/เช่าซื้อ, วางบิล → แฟคตอริ่ง, ส่งออก → Pre/Post-Export/รับซื้อลดตั๋ว—รายละเอียดการจับคู่ ไปอ่าน เงินกู้ SME อนุมัติง่าย [ใส่ลิงก์จริง]

สรุป + Call to Action

ปี 2568 ไม่ได้ “ยากขึ้น” สำหรับสินเชื่อ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์—แต่องค์กรที่ เล่าเรื่องทางการเงินได้ชัด, ใช้วงเงินตรงงาน, และวางแผนใช้–เข้า–คืน จะเห็นผลชัดเจนทั้ง “วงเงินที่พอดี” และขั้นตอนที่ลื่นไหลกว่าเดิม หากต้องการให้เราช่วยทวนแฟ้มและพรีสกรีนเบื้องต้น