การขอสินเชื่อธุรกิจ SME โดยเฉพาะแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการหลายท่านให้ความสนใจ แต่หลายคนมักประสบปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อเพราะขอวงเงินสูงเกินกว่าที่สถาบันการเงินจะอนุมัติให้ได้ การรู้ศักยภาพกิจการตนเองในวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่สามารถขอได้ก่อนยื่นขอจึงสำคัญ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหากท่านสนใจสินเชื่อธุรกิจ sme ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
การรู้ศักยภาพทางการเงินของตัวเองก่อนยื่นขอสินเชื่อจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้คุณ
วางแผนธุรกิจได้อย่างสมจริง
เพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
ไม่เสียเวลาและประวัติเครดิตจากการถูกปฏิเสธ
บทความนี้จะแนะนำวิธีคำนวณวงเงินสินเชื่อธุรกิจแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่คุณมีโอกาสได้รับ โดยใช้หลักการเดียวกับที่ธนาคารใช้ในการพิจารณา
การพิจารณาเงินกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจะพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประวัติทางการเงินของธุรกิจ และ ความสามารถในการชำระหนี้ โดยทั่วไป ธนาคารและสถาบันการเงินจะประเมินจากข้อมูลดังนี้:
งบการเงินย้อนหลัง — สถาบันการเงินจะตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของธุรกิจในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพื่อดูผลประกอบการรายปี และการบริหารจัดการทางการเงิน
กระแสเงินสด — ธนาคารจะให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดของธุรกิจในการพิจารณา เพราะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
ประวัติการชำระหนี้ — ธนาคารจะพิจารณาเครดิตของเจ้าของธุรกิจด้วย หากเจ้าของกิจการมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ก็จะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่สูงขึ้น
แผนธุรกิจ — ธนาคารต้องการเห็นแผนธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่กู้ยืมไปนั้นจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ
ศึกษาวิธีเตรียมเอกสารให้พร้อม → เช็กลิสต์เอกสาร
1. สินเชื่อหมุนเวียน (Working Capital / OD/Revolving)
สินเชื่อหมุนเวียนเป็นสินเชื่อที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ โดยการพิจารณาสินเชื่อประเภทนี้ ธนาคารจะพิจารณาเป็นหลักจาก กระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจริง และ ความสามารถในการชำระหนี้ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะพิจารณาผลประกอบการทางการเงินของธุรกิจ เช่น รายรับและรายจ่ายที่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งพิจารณารายการเดินบัญชีเพื่อดูการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี
2. สินเชื่อระยะสั้น (Short-Term Loan)
สินเชื่อระยะสั้นสำหรับธุรกิจมักจะมีระยะเวลาการชำระหนี้ไม่เกิน 12 เดือน โดยธนาคารจะพิจารณา วงเงินที่เหมาะสมกับการใช้จ่ายระยะสั้น รวมถึง แผนธุรกิจ และ ใบสั่งซื้อ/สัญญาเช่าระยะสั้น ที่แสดงถึงการใช้เงินในโครงการระยะสั้นที่มีแผนการชำระคืนชัดเจน ธนาคารจะพิจารณาการใช้สินเชื่อให้ตรงกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของธุรกิจ เช่น เงินทุนสำหรับการขยายสต็อกสินค้า, รับงานโปรเจ็กต์ใหม่ หรือค่าใช้จ่ายในช่วงฤดูกาล
3. สินเชื่อระยะยาว (Long-Term Loan)
สินเชื่อระยะยาวเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการการขยายกิจการ หรือการลงทุนในเครื่องจักร/อสังหาริมทรัพย์ โดยสินเชื่อประเภทนี้จะพิจารณาจาก แผนการลงทุนระยะยาว ของธุรกิจ เช่น การขยายโรงงานหรือซื้อเครื่องจักร ธนาคารจะประเมิน ความสามารถในการชำระหนี้ระยะยาว โดยคำนึงถึงรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ สถาบันการเงินจะพิจารณาความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจ รวมถึง การขอสินเชื่อร่วมกับโครงการค้ำประกันของภาครัฐ เช่น บสย. เพื่อช่วยให้การขอสินเชื่อสำเร็จโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
สำหรับสินเชื่อธุรกิจแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารจะใช้รายได้เป็นตัวตั้งในการคำนวณวงเงินสูงสุดที่สามารถอนุมัติได้ โดยใช้สูตรดังนี้:
วงเงินกู้สูงสุด ≈ รายได้สุทธิต่อเดือน x DSR ที่อนุญาต x จำนวนงวดที่ผ่อน
สมมติว่าธุรกิจของคุณมี:
รายได้สุทธิต่อเดือน = 50,000 บาท
DSR ที่ธนาคารอนุญาต = 50% (ธนาคารยอมให้ใช้รายได้ครึ่งหนึ่งผ่อนหนี้)
ระยะเวลากู้ = 5 ปี (60งวด)
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย = 7% ต่อปี
ขั้นตอนที่ 1: คำนวณค่างวดสูงสุดที่อนุญาตค่างวดสูงสุด = 50,000 × 50% = 25,000 บาท/เดือน
ขั้นตอนที่ 2: นำค่างวดไปคำนวณวงเงินกู้ค่างวด 25,000 บาท ต่อ 60 งวด (ที่ดอกเบี้ย 7%) จะได้วงเงินกู้ประมาณ 1,250,000 - 1,300,000 บาท
การคำนวณข้างต้นเป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น ในความเป็นจริง ธนาคารอาจพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้วงเงินที่ได้รับแตกต่างออกไป:
อายุธุรกิจ - ธุรกิจที่ดำเนินการมานานกว่า 3 ปีมักได้รับความเชื่อถือมากกว่า
ความผันผวนของรายได้ - หากรายได้ไม่สม่ำเสมอ วงเงินอาจถูกปรับลดลง
ประเภทธุรกิจ - บางธุรกิจอาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า
นโยบายสินเชื่อของแต่ละธนาคาร - แต่ละธนาคารมีเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกัน
สินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันมี ข้อดี หลายประการที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารการเงินได้ง่ายขึ้น:
การอนุมัติที่รวดเร็ว: สินเชื่อแบบนี้มักมีระยะเวลาการอนุมัติที่เร็วกว่า โดยเฉลี่ยใช้เวลาเพียง 3-7 วันทำการ
ไม่มีความเสี่ยงด้านทรัพย์สิน: เนื่องจากไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้เจ้าของกิจการไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียทรัพย์สินส่วนบุคคล
วงเงินหลากหลาย: ธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาจากความต้องการทางการเงินของธุรกิจ และอนุมัติวงเงินที่เหมาะสมกับขนาดของกิจการ
การรู้วิธีคำนวณวงเงินสินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่คุณมีโอกาสได้รับ จะช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจได้อย่างสมจริงและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติ โดยสูตรพื้นฐานคือ วงเงินกู้สูงสุด ≈ รายได้สุทธิต่อเดือน x DSR ที่อนุญาต x จำนวนงวดที่ผ่อน
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้เครื่องคำนวณสินเชื่อของธนาคาร (Loan Calculator) เพื่อหาค่าที่แม่นยำขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยจริง และควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินหรือเจ้าหน้าที่สินเชื่อโดยตรงเพื่อข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจของคุณ
ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน? เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและบริการให้คำปรึกษาฟรี
#สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #สินเชื่ออนุมัติง่าย #เงินทุนธุรกิจ #ธุรกิจSME