“ติดเครดิตบูโร” ไม่ได้ปิดประตูเสมอไป ธนาคารดูปัจจุบันว่าคุณจ่ายไหวไหม วินัยดีขึ้นหรือยัง และใช้เงินถูกงานหรือไม่ บทนี้สรุปทางออกและวิธีเตรียมเอกสารให้ผ่านมากขึ้น
เข้าใจคำว่า “ติดเครดิตบูโร” แบบไม่กลัวคำใหญ่
คำว่า “ติดบูโร” ที่ได้ยินบ่อย จริง ๆ หมายถึง มีประวัติชำระที่ไม่น่าพอใจ เช่น เคยค้างเกินกำหนด/ประนอมหนี้/ปรับโครงสร้าง ฯลฯ ซึ่งจะสะท้อนอยู่ในรายงานเครดิตช่วงเวลาหนึ่ง แต่ แบงก์จะดู “พฤติกรรมปัจจุบัน + หลักฐานกระแสเงินสด” เป็นหลัก ถ้าคุณแสดงให้เห็นชัดว่า รายได้เข้า–ค่างวดออกไหว และวินัยการเงินดีขึ้น โอกาสอนุมัติก็ยังมี
ยังไม่แน่ใจว่าพร้อมยื่นแค่ไหน? ลองทำ วิธีประเมินตัวเองก่อนยื่นขอสินเชื่อ แบบรวดเร็วก่อน
ธนาคารมองอะไรเมื่อผู้กู้เคยสะดุด
1) จ่ายคืนไหวไหม (DSCR) = มีเงินเหลือพอจ่ายค่างวดหรือเปล่า
คิดแบบบ้าน ๆ เลย: ทุก ๆ 1 บาทของค่างวด ต้องมี “เงินสดคงเหลือ” อย่างน้อย 1.2 บาท
สูตรเร็ว: DSCR = เงินสดคงเหลือต่อเดือน ÷ ค่างวดต่อเดือนทั้งหมด
ตัวอย่างคำนวณ: เงินสดคงเหลือ 120,000 บาท / ค่างวด 90,000 บาท = 1.33 (ผ่าน 1.2)
ถ้าต่ำกว่า 1.2 ให้แก้ด้วยสองทาง
เพิ่มตัวเศษ: เพิ่มยอดขายที่ “เข้าแบงก์จริง”, ขึ้นราคาที่จำเป็น, ลดต้นทุนผันแปร/คงที่
ลดตัวส่วน: ยืดอายุกู้ Term ให้ค่างวดเล็กลง, แยกก้อนไปเป็น Working Capital แทนกู้สั้นดอกแพง
ทิปเร็ว: จำง่าย ๆ ว่า ค่างวดรวม ไม่ควรเกิน ~80–85% ของ “เงินสดคงเหลือต่อเดือน”
ดูภาพรวมแนวคิดและเงื่อนไขทั้งหมดได้ที่ คู่มือสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
2) วินัยการเงินกลับมาดีหรือยัง (เจ้าหน้าที่ดูจากพฤติกรรมปัจจุบัน)
สัญญาณที่แบงก์ชอบเห็นใน 1–3 เดือนล่าสุด:
ไม่มีค้างชำระใหม่, เคลียร์ค้างเก่าแล้ว
ใช้ OD เฉลี่ยไม่เกิน ~70% ของเพดาน (ไม่เต็มเพดานยาว ๆ)
รายได้วิ่งเข้าบัญชีธุรกิจ บัญชีเดียว สม่ำเสมอ และ POS/แพลตฟอร์ม “แมตช์” สเตทเมนต์
มี Cashflow 13 สัปดาห์ อัปเดตทุกสัปดาห์ (ไฟล์เดียวที่ทำให้เชื่อได้ว่า “จ่ายค่างวดไหว”)
สูตรเร่งฟื้น 30–60–90 วัน: 30 วันเคลียร์ค้าง/กด OD <70% → 60 วันทำตาราง ยอดขาย↔เงินเข้าบัญชี + โชว์เวลาเงินเข้าออก → 90 วันทำจดหมายชี้แจงเหตุสะดุดแนบหลักฐานครบ
3) ใช้เงินถูกงานไหม (จับคู่ให้ถูก: ลงทุน=Term / หมุนเวียน=OD)
ของยาว/ลงทุนครั้งเดียว (รีโนเวต เครื่องจักร อุปกรณ์) → Term/Working Capital ผ่อนรายเดือน อายุเงินกู้ใกล้อายุสินทรัพย์
ค่าใช้จ่ายรายวัน (สต๊อก วัตถุดิบ ค่าแรง ค่าน้ำไฟ ขนส่ง) → OD ดึง–โปะตามจริง
ทำไมห้ามเอา OD ไปลงทุนยาว: จะค้างเต็มเพดาน ดอกบาน และ DSCR ตก แบงก์มองเสี่ยง
ตั้ง OD เริ่มต้นแบบง่าย: 1–1.5× ค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน + กันสำรอง 10–20% และใช้จริงเฉลี่ยแค่ 50–70% ของเพดาน (ปิด OD อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง)
ถ้ามี “ประวัติเครดิตสะดุด” มาก่อน สิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายที่สุดคือ DSCR และ หลักฐานเงินเข้าออกที่พิสูจน์ได้จริง มากกว่าคำอธิบายยาว ๆ เพราะมันบอกว่า “วันนี้จ่ายไหว” แบบที่เถียงยาก
ในสามข้อด้านบน ข้อ 3 (ใช้เงินถูกงาน) คือ ตัวแปรลับ ที่ทำให้ DSCR ดีขึ้นเร็วสุด: พอแยก Term กับ OD ถูกต้อง ค่างวดจะพอดี รายได้เหลือมากขึ้น DSCR ก็เด้ง
หากต้อง “เอาให้ชัวร์” ผมแนะนำตั้งเป้า DSCR ≥ 1.3 (ไม่ใช่แค่ 1.2) เผื่อความผันผวน และโชว์วินัย OD <70% ต่อเนื่องอย่างน้อย 1–2 รอบบิลก่อนยื่น
มีทรัพย์ค้ำไม่พอ? ค้ำประกันโดยรัฐ (เช่น บสย.) ช่วยได้ แต่ต้องเทียบให้คุ้ม: กำไรเพิ่มจากวงเงิน > ค่าค้ำรวม ไม่งั้นกระแสเงินสดจะตึงโดยไม่จำเป็น
แผน 30–60–90 วัน เพื่อกลับเข้าระบบกู้
30 วันแรก (ดับไฟด่วน): เคลียร์หนี้ค้าง/ค่างวดค้าง, ลดการใช้ OD ให้ต่ำกว่า ~70% ของเพดาน, รวมเงินเข้าบัญชีธุรกิจเดียว
ภายใน 60 วัน: ทำ “ตารางเทียบ ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี 6–12 เดือน”, จัด Cashflow 13 สัปดาห์ อัปเดตทุกสัปดาห์, เริ่มจ่ายบิลตรงเวลา
ภายใน 90 วัน: ทำ จดหมายชี้แจงเหตุสะดุด (ยาว 1 หน้า) ว่าเกิดอะไรขึ้น แก้อย่างไร ปัจจุบันมั่นคงแค่ไหน พร้อมแนบหลักฐาน (เช่น หนังสือปิดบัญชี/สเตทเมนต์ล่าสุด)
เลือกโครงสร้างวงเงินให้ “ผ่านได้จริง”
ลงทุนครั้งเดียว (รีโนเวต/อุปกรณ์/สต๊อกตั้งต้น) → ใช้ Term/Working Capital
ตั้งอายุเงินกู้ให้ใกล้ “อายุสินทรัพย์” เพื่อลดค่างวดรายเดือน
หมุนรายวัน (วัตถุดิบ/ค่าแรง/ค่าน้ำไฟ) → ใช้ OD/Revolving
สูตรตั้ง OD เริ่มต้น: 1–1.5 × ค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน + สำรอง 10–20%, ใช้จริงเฉลี่ย 50–70% ของเพดาน และพยายาม “ปิด OD” ไตรมาสละครั้ง
รวมทุกวงเงินแล้วเช็ก DSCR ≥ ~1.2–1.3 เพื่อมีเฮดรูมตามเงื่อนไขธนาคาร
ยังลังเลระหว่าง Term/Working Capital กับ OD? เทียบข้อดี–ข้อควรระวังได้ที่ เปรียบเทียบสินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์
ตัวช่วยที่ควรรู้ (เมื่อทรัพย์ค้ำจำกัด แต่ตัวเลขเดินดี)
ค้ำประกันโดยรัฐ (เช่น บสย.): ช่วยให้ธนาคารรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่อาจมีค่าค้ำ → เทียบ “กำไรเพิ่มจากวงเงิน” กับ “ค่าค้ำรวม” ก่อนตัดสินใจ
วงเงินอิงเอกสารการค้า (PO/Invoice/สัญญา): เหมาะกับกิจการที่มีใบสั่งซื้อ/สัญญาต่อเนื่อง ช่วยพิสูจน์รายได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพย์ส่วนตัว
ตัวอย่างจัดแฟ้ม (กรณีเคยค้างชำระ แต่ปัจจุบันฟื้นตัวแล้ว)
Executive Summary 1 หน้า: ทำอะไร–ลูกค้าหลัก–ขอวงเงินเท่าไร–ใช้เงินอะไร–คืนเงินอย่างไร–ตัวเลขสำคัญ (ยอดขาย/EBITDA/DSCR)
หลักฐานรายได้จริง: รายงาน POS/แพลตฟอร์ม + สเตทเมนต์ 6–12 เดือน พร้อม “ตารางเทียบยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี”
แผนเงินสด 12–24 เดือน: แสดง DSCR หลังขอกู้ ≥ ~1.2
จดหมายชี้แจงเหตุสะดุด + หลักฐานแก้ไข: เช่น เอกสารปิดหนี้/สัญญาประนอมหนี้ที่ทำตามครบ/สเตทเมนต์จ่ายตรงเวลา
โครงสร้างวงเงินแยกชัด: ลงทุน = Term, หมุนเวียน = OD
Do & Don’t สำหรับผู้ที่มีประวัติสะดุด
Do: รวมเงินเข้า–ออกผ่านบัญชีธุรกิจเดียว, ฝากเงินสดทุกวัน, ใช้ OD เฉพาะหมุนเวียน, ส่งเอกสารครบและเลขตรงกัน, ขอวงเงินตามรอบรับ–จ่ายจริง
Don’t: ขอเงินก้อนเดียวทำทั้งลงทุนและหมุนเวียน, ใช้ OD เต็มเพดานยาว ๆ, ข้ามการอัปเดต Cashflow, ปกปิดปัญหาเก่า (ให้ “ชี้แจงพร้อมหลักฐาน” แทน)
เช็กลิสต์ 10 นาที ก่อนยื่นจริง
เอกสารครบและตัวเลขสัมพันธ์กัน: POS/แพลตฟอร์ม ↔ สเตทเมนต์ ↔ ภาษี/งบ
ตารางเงินสด 12–24 เดือน + DSCR ≥ ~1.2 หลังรวมทุกวงเงิน
วงเงินถูกงาน: ลงทุน = Term, รายวัน = OD (ตั้งจากค่าใช้จ่ายคงที่ × 1–1.5 + สำรอง 10–20%)
ลดสัญญาณเสี่ยง: ไม่มีค้างชำระปัจจุบัน, ใช้ OD ไม่เกิน ~70% ของเพดานเฉลี่ย, มีเงินสำรอง 1–2 เดือนค่าใช้จ่ายคงที่
ถ้าทรัพย์ค้ำจำกัดแต่ตัวเลขเดินดี → พิจารณาค้ำประกันโดยรัฐ และยื่นพร้อมเอกสาร
ก่อนยื่นจริง แนะนำเช็กเอกสารฉบับเต็มที่ เช็กลิสต์เอกสาร แล้วติ๊กตามลำดับ