กลับหน้าแม่ (Hub): → คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
เปรียบเทียบแบบมืออาชีพจากมุม secured: ต้นทุนจริง (EIR), ความเร็วอนุมัติ, เอกสาร และผลต่อ DSCR/LTV ของ “สินเชื่อบสย.ค้ำประกัน” เทียบ “ไม่ค้ำ” พร้อมกลยุทธ์ผสมวงเงินให้ผ่อนไหวจริง
หมายเหตุกันคีย์ชน: ถ้าต้องการรายละเอียดเชิงลึกเรื่อง “ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน” กรุณาอ่านที่หน้าเฉพาะทางของเรา สินเชื่อไม่มีหลักประกัน
ดู ‘ต้นทุนจริง–ความเร็ว–ผลต่อกระแสเงินสด’ พร้อมกัน
การเลือก “ค้ำ” หรือ “ไม่ค้ำ” ไม่ควรดูแค่ดอกเบี้ยพาดหัว ต้องพิจารณา 3 มิติพร้อมกัน
ต้นทุนจริง (EIR): ดอกเบี้ยที่แท้จริงรวมค่าธรรมเนียม/เบี้ยค้ำ/ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ความเร็วอนุมัติ: เวลาเตรียมเอกสาร–พิจารณา–เบิกใช้ (สำคัญมากกรณีเงินหมุน)
ผลต่อกระแสเงินสด/ตัวชี้วัด: โครงสร้างค่างวดส่งผลต่อ DSCR/DSR และเพดานวงเงินผูกกับ LTV (ฝั่งมีหลักประกัน/มีผู้ค้ำ/มีการค้ำของ บสย.)
มุมมองนี้ช่วยให้ไม่ “หลงดอกถูกแต่ช้า” หรือ “ได้เร็วแต่ DSCR พัง” เราจะออกแบบ ชุดวงเงิน ให้เข้ากับวัตถุประสงค์ ไม่บังคับใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวแก้ทุกปัญหา
EIR คืออะไร?
คิดง่าย ๆ คือ “ต้นทุนกู้จริงต่อปี” ที่รวมทุกอย่างแล้ว ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยป้ายหน้า เช่น ค่าธรรมเนียม เบี้ยค้ำ ค่าประเมิน ฯลฯ เหมือนดู ราคารวมสุทธิ ไม่ใช่ราคาหน้าป้าย
แบบค้ำ (มีหลักประกัน/มีการค้ำเพิ่ม)
จุดเด่น: โดยมาก ถูกกว่าในระยะยาว (EIR ต่ำ), วงเงินได้ สูงกว่า เพราะยึดตามมูลค่าทรัพย์ (LTV), ค่างวด ยาวและคงที่
ข้อควรเข้าใจ: มัก ช้ากว่า เพราะต้องประเมินทรัพย์และเช็กเอกสารละเอียด แต่ลดดอกได้ด้วยการ แบ่งเบิกเงินตาม Milestone (ยังไม่ใช้จริงก็ยังไม่เสียดอกเต็ม)
เอกสารที่เจอบ่อย: งบ/ภาษี/สเตทเมนต์, เอกสารสิทธิทรัพย์/รายงานประเมิน, ใบเสนอราคา–สเปก–ตารางติดตั้ง (กรณีลงทุน)
แบบไม่ค้ำ
จุดเด่น: เร็วกว่า/ยืดหยุ่น สมัครง่าย เอกสารเบื้องต้นน้อย เน้นดูพฤติกรรมเดินบัญชีจริง
ข้อควรเข้าใจ: โดยมาก แพงกว่า (EIR สูงกว่าและอาจมีค่าธรรมเนียม) จึงเหมาะกับ วงเงินไม่ใหญ่มาก และ ใช้สั้น ๆ เพื่ออุดช่องว่างเงินสด
เอกสารที่เจอบ่อย: สเตทเมนต์ รายได้ในระบบ พฤติกรรมการรับ–จ่าย
สรุปแบบจับมือเลือก
ถ้าเป็น งานลงทุนทรัพย์ (เครื่องจักร/อาคาร/ยานพาหนะ) ที่ใช้ยาว ๆ → แบบค้ำ เหมาะกว่า: ต้นทุนรวมถูกกว่า วงเงินสูงกว่า ปรับ Grace/Step-up ได้ ให้ค่างวดช่วงแรกเบา ๆ
ถ้าเป็น เงินหมุนเร่งด่วน ชั่วคราว → ใช้ OD/AR (Factoring) เป็นหลัก; จะใช้ ไม่ค้ำ เสริมได้ แต่ให้กดช่วงเวลาให้สั้น และคุมไม่ให้ DSCR/DSR ตึง
ตัวอย่างเห็นภาพ
ต้องซื้อเครื่องจักร 5 ล้านบาท
แบบค้ำ: อนุมัติอาจช้ากว่า แต่ EIR ต่ำ วงเงินสูง (อิง LTV) วาง Grace 3–6 เดือน ช่วงติดตั้ง แล้ว Step-up ตามรายได้ → ผ่อนไหวจริงระยะยาว
แบบไม่ค้ำ: ได้เงินไว แต่ ต้นทุนสูง ถ้าใช้ก้อนใหญ่/นาน ๆ จะหนักกระแสเงินสด
ต้องอุดเงินหมุน 2–3 เดือน เพราะรอเก็บเงินลูกค้า
ตั้ง OD พอดี + ใช้ Factoring บางใบแจ้งหนี้ → ลดวันรอเงินเข้า
ถ้าจำเป็นมาก ใช้ ไม่ค้ำ ช่วยช่วงสั้น ๆ แล้ววางแผนปิดให้ไว
กฎจำง่าย (Rule of Thumb)
งานยาว–ก้อนใหญ่–มีทรัพย์ค้ำ → ไปทาง ค้ำ (ถูกกว่า/เสถียรกว่า)
งานสั้น–เร่งด่วน–ก้อนไม่ใหญ่ → ใช้ ไม่ค้ำ ได้ แต่ อย่าแช่นาน และควบคู่ OD/AR จะคุ้มกว่า
ต้องการ วงเงินสูง อิงมูลค่าทรัพย์ (LTV) และผ่อนยาวสำหรับ Term/Investment
ลงทุนเครื่องจักร/เปิดไลน์ผลิต/ขยายสาขา ที่ เงินสดจะตามมาหลังติดตั้ง → วาง Grace/Step-up
มีเอกสารพร้อม: งบ/สเตทเมนต์/ใบเสนอราคา/PO/ตารางติดตั้ง
ไม่ค้ำ (อ่านลึกในคลัสเตอร์เฉพาะทาง) — เหมาะเมื่อ:
ต้องการ ความเร็ว วงเงิน ไม่ใหญ่มาก เพื่ออุด ช่องว่างสั้น ๆ
โฟกัสที่ พฤติกรรมเดินบัญชี และรายได้ในระบบมากกว่าเอกสารทรัพย์
ใช้เป็นสะพานไปสู่การจัดโครงสร้าง secured ภายหลัง เมื่อข้อมูล–ทรัพย์พร้อม
ไม่เหมาะ/ต้องระวัง
ลงทุนสินทรัพย์ระยะยาวแต่ใช้วงเงินสั้น–แพง → DSR/DSCR ตึง
ใช้ OD เต็มถาวร/ไม่เคยปิด → ภาพวินัยทางการเงินแย่ตอนรีวิววงเงิน
เคส A: โครงการลงทุนเครื่องจักร
มูลค่าทรัพย์ 5.0 ลบ.; กรณี LTV 80% → วงเงิน 4.0 ลบ. (ฝั่งค้ำ/มีหลักประกัน)
วาง Term ผ่อน 5 ปี, Grace 6 เดือน, Step-up 3 ระยะ
คาดเงินสดจากการดำเนินงานฐานหลังติดตั้ง = 180,000/เดือน
ค่างวดช่วง Step 1 = 90,000/เดือน ⇒ DSCR = 2.0 (ผ่านสบาย)
EIR รวมค่าธรรมเนียมต่ำกว่าใช้วงเงินสั้น–แพง และการแบ่ง Drawdown ตาม Milestone ทำให้ดอกช่วงติดตั้งต่ำลง
เคส B: เงินหมุนรอเก็บเงิน 60 วัน
ค่าใช้จ่ายคงที่ 300,000/เดือน
สูตร OD ตั้งต้น: 300,000 × 1.2 + สำรอง 10% = 396,000
มี AR/Factoring เร่งเงินจากใบแจ้งหนี้ 80% ช่วงพีก → ลดการใช้ OD เต็ม, ดอกเฉลี่ยลดลง, DSCR ไม่ถูกบีบ
ถ้าไปใช้ “ไม่ค้ำ” ทั้งก้อนแทน OD/AR: ได้เร็วขึ้น แต่ EIR สูง และ DSR อาจตึงในเดือนยอดขายผันผวน
บทเรียน: ให้ใช้ LTV เป็นกรอบวงเงินสำหรับทรัพย์/โครงการ, ใช้ DSCR/DSR เป็นตัวกำกับค่างวด และใช้ AR/OD เกลี่ยช่องว่างระยะสั้น—หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สั้น–แพงกับงานยาว
ลงทุนทรัพย์ → Term/Investment เป็นฐาน + Grace/Step-up; ถ้าทรัพย์เฉพาะทางใช้ Leasing/HP (ดู Residual/Balloon/ภาษี)
เงินหมุน → OD ขนาดพอดี + AR/Factoring บางส่วนเพื่อลดวันรอเงินเข้า
ต้องการความเร็วเฉพาะฤดูกาล → พิจารณาช่องทาง “ไม่ค้ำ” เพื่ออุดช่วงสั้น ๆ แล้ววางแผน รีไฟแนนซ์ เข้าฝั่ง secured เมื่อเอกสารพร้อม
รีวิวรายไตรมาส → เป้าหมาย “ปิด/ลด OD”, ตรวจ DSCR/DSR เทียบแผน, ถ้าโตเร็วกว่าคาดให้ “ปรับค่างวด/ยืดเส้น” อย่างมีเหตุผล
โครงสร้างลิงก์อ่านต่อ (ภายในคลัสเตอร์ secured):
→ เสริมสภาพคล่อง (OD/Working Capital): สูตร OD/Factoring ที่ใช้ได้จริง
→ เช่าซื้อ / Leasing: รักษากระแสเงินสดสำหรับอุปกรณ์/ยานพาหนะ
หรือต้องการอ่าน “ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน” แบบละเอียด
ระบุ วัตถุประสงค์/เส้นเวลา: ลงทุน (ยาว) หรือเงินหมุน (สั้น)
ทำ Cash-flow 6–12 เดือน + Scenario ±20% → ดูจุดที่เงินติดลบและขนาด
ประเมิน LTV (ถ้ามีทรัพย์/การค้ำ) และคำนวณ DSCR/DSR จากหลายโครงสร้าง (Term/OD/Leasing/AR)
เลือก ชุดวงเงิน ที่ทำให้ DSCR ฐาน ≥1.2–1.3 และกรณีแย่ยัง ≥1.0 พร้อมแผน ปิด/ลด OD
เตรียม สไลด์สรุป 1 หน้า: วัตถุประสงค์, วงเงิน, DSCR/DSR/LTV, ROI/Payback, ตาราง Drawdown/Step-up
เช็กลิสต์เอกสาร (ฝั่ง secured)
งบ/ภาษี/สเตทเมนต์ 6–12 เดือน (ตัวเลขสอดคล้อง)
แผนกระแสเงินสด 6–12 เดือน + Scenario ±20% (แสดงผล DSCR/DSR)
เอกสารทรัพย์/โครงการ: ใบเสนอราคา/สเปก/ตารางติดตั้ง/PO/สัญญา
แผน Drawdown/Grace/Step-up + เป้าปิด/ลด OD
บันทึกวินัยการใช้ OD รายไตรมาส (หลักฐานตอนรีวิววงเงิน)
ลิงก์อ่านต่อ (ภายในคลัสเตอร์ “เพื่อธุรกิจ”)
คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ / เช็คลิสเอกสาร