ต้องการภาพรวมวงเงิน–ดอกเบี้ย–ขั้นตอนสมัครแบบครบถ้วน? ดู คู่มือสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (2568) ที่หน้าหลักของเรา
หลายกิจการลังเลเรื่อง “ไม่มีทรัพย์ค้ำ” กลัวโอกาสอนุมัติน้อยลง ความจริงยุคนี้ผู้ให้สินเชื่อจำนวนมากหันมามอง ข้อมูลจริงจากธุรกิจ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสเตทเมนต์ที่เดินสม่ำเสมอ ภาษีที่ยื่นตรงกับการเดินบัญชี รวมถึงหลักฐานคำสั่งซื้อ/สัญญาจ้าง ยิ่งข้อมูลโปร่งใส วงเงินที่ได้ยิ่งสะท้อนศักยภาพของกิจการได้ดีกว่าเดิม ในฐานะที่ปรึกษา ผมเห็นเคสผ่านไวจำนวนมากเพราะเจ้าของกิจการ เตรียมเอกสารให้เล่าเรื่องเดียวกัน—ตัวเลขในธนาคาร ภาษี และสัญญาไปทิศทางเดียวกัน ทำให้ผู้พิจารณาเชื่อมั่นตั้งแต่รอบแรก
สินเชื่อ “ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” คือผลิตภัณฑ์ที่พิจารณาจาก ศักยภาพธุรกิจจริง เช่น รายได้ กระแสเงินสด วินัยชำระ มากกว่าทรัพย์สินเป็นตัวค้ำ หน้านี้สรุปหลักคิด ใครเหมาะ–ไม่เหมาะ เอกสารพื้นฐาน และขั้นตอนยื่นแบบย่อ เพื่อเตรียมตัวให้ผ่านง่ายขึ้น
ผู้ให้สินเชื่อประเมิน ความน่าเชื่อถือจากการดำเนินธุรกิจ เป็นสำคัญ
ดู รายได้และกระแสเงินสด จากสเตทเมนต์ต่อเนื่อง 6–12 เดือน
ประเมิน ภาระหนี้รวมและวินัยชำระ ว่าจ่ายตรงและสม่ำเสมอ
ใช้ เอกสารภาษี สัญญาว่าจ้าง ใบกำกับภาษี PO/Invoice เพื่อยืนยันยอดจริง
ยิ่งเอกสารสะท้อนธุรกรรมจริงได้ชัด ก็ยิ่งทดแทนหลักทรัพย์ค้ำได้ดี และช่วยให้พิจารณา สินเชื่อ SME วงเงินสูง ได้ตามศักยภาพ การประเมินมุ่งดู “โอกาสได้เงินคืนตรงเวลา” ผ่านพฤติกรรมกระแสเงินสด หากบัญชีเดินนิ่ง รายได้เข้าเป็นจังหวะที่อธิบายได้ และค่าใช้จ่ายควบคุมอยู่ ความเสี่ยงจะลดลงอย่างเห็นภาพ คำแนะนำคือแนบหมายเหตุสั้น ๆ อธิบายเดือนที่ยอดผิดปกติ เช่น ปิดซ่อมร้าน เพื่อให้ทีมพิจารณาเข้าใจบริบททันที
ธุรกิจที่ ยอดขายสม่ำเสมอ และมีหลักฐานรายได้ครบถ้วน
ผู้ประกอบการ B2B ที่มีสัญญาจ้างหรือใบสั่งซื้อ สามารถพิสูจน์เงินเข้าล่วงหน้า
กิจการที่ แยกบัญชีธุรกิจกับส่วนตัว และมีวินัยชำระดี
สำหรับธุรกิจที่ขายดีแต่ ต้นทุนผันผวน เช่น วัตถุดิบหรือค่าแรง วงเงินหมุนเวียนช่วยไม่ให้กระแสเงินสดสะดุด กิจการที่มีรอบเก็บเงิน 30–60 วัน หากแสดงสัญญา PO และประวัติการจ่ายของลูกค้าหลักได้ชัด โอกาสอนุมัติ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะสูงขึ้นตามไปด้วย
บัญชีรับ–จ่าย ปะปนกับส่วนตัว หรือพึ่งเงินสดเป็นหลัก ไม่มีหลักฐานรองรับ
ภาระหนี้สูง/ชำระล่าช้า ทำให้ความสามารถชำระคืนต่ำ
กิจการเพิ่งเริ่ม ที่ยังไม่มีหลักฐานรายได้ → ควรเริ่มเก็บใบกำกับภาษี/สัญญาจ้าง/สเตทเมนต์ให้ครบก่อน
ดูแนวทางเตรียมตัว: ลิงก์ไปบท “วิธีประเมินตัวเองก่อนยื่น” และ “สำหรับกิจการใหม่ (<2 ปี)”
แผนปรับ 90 วัน: เดือนแรกแยกบัญชีให้เด็ดขาดและนำเงินสดเข้าบัญชีทุกวัน เดือนที่สองทำตารางยอดขายเทียบสเตทเมนต์และภาษีให้สอดคล้อง เดือนที่สามรวบรวมสัญญา/PO และชำระหนี้ตรงวัน ภาพรวมจะ “สะอาด” ขึ้นมาก เป็นฐานที่ดีในการยื่น สินเชื่อsme หรือขอวงเงินในกลุ่ม สินเชื่อ SME วงเงินสูง ต่อไป
หนังสือรับรอง/ภ.พ.20 (นิติบุคคล) หรือทะเบียนพาณิชย์
สเตทเมนต์ 6–12 เดือน ของบัญชีธุรกิจ
เอกสารภาษีที่เกี่ยวข้อง (เช่น ภ.พ.30/50)
หลักฐานงาน/รายได้: สัญญาว่าจ้าง, PO, ใบกำกับภาษี, Invoice
เอกสารผู้มีอำนาจ/ผู้กู้ร่วม (ถ้ามี)
แบ่งเป็นสองชั้นคิดง่าย ๆ: Must-have คือ หนังสือรับรอง/ภ.พ.20 (ถ้ามี), สเตทเมนต์ 6–12 เดือน, ภาษีที่ยื่นสม่ำเสมอ ส่วน Nice-to-have คือ สัญญาว่าจ้าง, ใบสั่งซื้อ, ใบส่งของ, e-Invoice, ภาพสต็อก/เครื่องจักร, หลักฐานซัพพลายเออร์รายใหญ่ จุดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ใช้หลายบัญชีรับเงินกระจายกันจน “ตัวเลขรวม” ไม่เท่ากับยอดขายที่แจ้ง—ให้เลือกบัญชีหลัก 1–2 บัญชีที่เดินจริง และแนบตารางสรุปรวมยอดจากบัญชีรองเพื่อความโปร่งใส
ประเมินเบื้องต้น: รายได้–ค่าใช้จ่าย–ภาระหนี้ (ดู DSCR แบบง่าย)
เลือกประเภทวงเงินให้เหมาะกับรอบเงินเข้า (OD/Term/Factoring)
เตรียมเอกสารให้ “สอดคล้องกัน” ระหว่างบัญชี ธุรกรรม และภาษี
ส่งเรื่อง–ตอบคำถาม–ยืนยันเอกสารเพิ่ม (ถ้ามี)
อนุมัติ–เบิกใช้–วางแผนชำระคืนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสด
ร้านอาหาร/ค้าปลีก–ค้าส่ง: เงินสดหมุนบ่อย เลือกวงเงินหมุนเวียน (OD) ช่วยลื่นไหล
ผู้รับเหมาก่อสร้าง/ขนส่ง: มีสัญญา/งวดงาน เหมาะผสม OD + Term ตามรอบเงิน
ธุรกิจบริการ: รายได้เป็นโปรเจกต์ ใช้เอกสารสัญญา/ใบกำกับภาษีเป็นหลักฐาน
ต้องมีคนค้ำไหม?
 ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น หากเอกสาร–กระแสเงินสดชัดเจน
ใช้เวลากี่วัน?
 ขึ้นกับความครบถ้วนของเอกสารและการประเมินรายได้ โดยทั่วไปภายในไม่กี่สัปดาห์
กิจการใหม่ขอยากไหม?
 ยื่นได้ หากพิสูจน์รายได้/ออเดอร์/สัญญางาน และสเตทเมนต์เริ่มเดินต่อเนื่อง
ถ้ารายได้เป็นเงินสดเยอะทำยังไง?
 ค่อย ๆ ปรับให้ “ผ่านระบบ” มากขึ้น (ฝากเข้าบัญชีสม่ำเสมอ ออกใบกำกับภาษี) เพื่อให้ตรวจสอบได้