กลับหน้าแม่ (Hub): → คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
ธุรกิจการผลิตที่มีรอบการผลิตสั้นมักเผชิญกับความไม่สมดุลระหว่างกระแสเงินสดรับและจ่าย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในภาคการผลิต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องจ่ายค่าวัตถุดิบล่วงหน้า แต่กลับได้รับชำระเงินจากลูกค้าช้า ทำให้เกิดช่องว่างทางการเงินที่ส่งผลต่อสภาพคล่อง
งานผลิตแบบ “ตามออร์เดอร์/ล็อตสั้น” เงินมักติดช่วงซื้อวัตถุดิบ–รอเก็บเงิน แก้ด้วยการตั้งวงเงินหมุน (OD) ให้พอดี และใช้การเร่งเงินจากใบแจ้งหนี้ (Factoring/AR) เฉพาะจุด พร้อมวางแผนสต็อก–ค่างวดให้ “ผ่อนไหวจริง”
งานผลิตแบบล็อตสั้น/ตามออร์เดอร์มีวงจรเงินสดสั้นแต่ถี่ ถ้าไม่ออกแบบเงินหมุนให้เหมาะ จะใช้วงเงินเกินจำเป็นและดอกเบี้ยบวม
ทำตามนี้ทีละขั้น
แผนที่เส้นทางเงินสดของคุณ (ไทม์ไลน์ย่อ)
ใบสั่งซื้อ (PO) → ซื้อวัตถุดิบ (เงินออก) → ผลิต (เงินจมในงานระหว่างทำ) → ส่งมอบ → ออกใบแจ้งหนี้ → รอรับเงิน (เงินเข้า)
จุดที่เงินติด ตอนซื้อวัตถุดิบก้อนแรก 2) ตอนรอเงินหลังส่งมอบ (เครดิตเทอม 30–90 วัน)
ยืนยันรูปแบบรายได้
เป็นงานครั้งคราวหรือต่อเนื่อง? มีลูกค้าประจำไหม? รอบผลิตเฉลี่ยกี่วัน? ข้อมูลนี้ช่วยกำหนดขนาดวงเงินหมุนที่ “พอดี ไม่บวม”
ตั้งเป้าหมายชัด ๆ
“ต้องการเงินหมุนเท่าไรต่อหนึ่งล็อต?” และ “อยากลดดอกเบี้ยรวมลงเท่าไรใน 3–6 เดือน?”
สรุปสั้น: รู้สองช่วงวิกฤต (ซื้อวัตถุดิบ–รอเงินเข้า) แล้วค่อยเลือกเครื่องมือเงินกู้ให้ตรงจุด
ลิงก์กลับ Hub : คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
เป้าหมายคือพอจ่ายค่าใช้จ่ายประจำช่วงรอเงินเข้า แต่ไม่บวมถาวร
ทำตามนี้ทีละขั้น
รวมค่าใช้จ่ายประจำ/เดือน ของสายการผลิตหลัก (วัตถุดิบขั้นต่ำที่ต้องสต็อก, ค่าแรงหลัก, ค่าไฟ/ค่าน้ำ, ขนส่งพื้นฐาน)
เผื่อความผันผวน คูณ 1.0–1.5 ตามความเสี่ยงงาน + สำรองเพิ่ม 10–20% หากยอดงานแกว่ง
พิจารณาเครดิตเทอมลูกค้า ถ้าเกิน 45 วัน ให้ดูค่าเฉลี่ย 3–6 เดือน เพื่อไม่ให้ตั้งวงเงินต่ำเกินจริง
กำหนดวินัยการใช้ ตั้งเป้า “ปิด/ลด OD ทุกไตรมาส” (เช่น 20–30%) แล้วจดหลักฐานไว้ในสเตทเมนต์
อย่าใช้ OD แทนเงินลงทุนยาว (เช่น ซื้อเครื่องใหญ่) ให้แยกไปใช้สินเชื่อ “ลงทุนในสินทรัพย์” แทน
ตัวอย่างคำนวณ (เข้าใจเร็ว)
ค่าใช้จ่ายประจำ/เดือน = 500,000 บาท; เครดิตเทอมเฉลี่ย 60 วัน
วงเงิน OD เริ่มต้น ≈ 500,000 × 1.3 + 20% ≈ 780,000 บาท
ช่วงพีกใช้เพิ่มได้ แต่เมื่อเงินลูกค้าเข้าก้อนใหญ่ ให้ ปิด/ลด เพื่อไม่ให้ดอกทบต้น
สรุปสั้น: OD = ยางอะไหล่ ใช้เฉพาะจุด ไม่ใช่ขับทั้งปี
เปลี่ยน “ยอดขายที่ยังไม่รับเงิน” ให้เป็นเงินสดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องดึง OD เต็ม
ทำตามนี้ทีละขั้น
คัดเลือกใบแจ้งหนี้
เลือก ลูกค้าองค์กร/คู่ค้าหลัก ที่จ่ายตรงเวลา วงเงินสูง รอบจ่ายชัด → อนุมัติไว ต้นทุนต่ำกว่า
กำหนดสัดส่วนที่เหมาะ
ใช้ 70–90% ของมูลค่าใบแจ้งหนี้ เฉพาะช่วงรอเงิน หรือช่วงพีก เพื่อให้ต้นทุนคุ้ม
เทียบต้นทุนจริง
นับรวมค่าธรรมเนียมทุกชนิด แล้วเปรียบเทียบกับ ดอกเบี้ย OD → ใช้เฉพาะกรณีที่ “คุ้มกว่า”
วางวินัยชำระคืน
เมื่อเงินลูกค้าเข้า ให้ ปิด AR ทันที เพื่อไม่ให้ต้นทุนลากยาว และลดการใช้ OD ไปพร้อมกัน
อย่าทำทุกบิล
เลือกเฉพาะบิลที่วงเงินสูงหรือรอเงินนาน จะได้ “ประโยชน์ต่อดอก” สูงสุด
ตัวอย่างใช้งาน
ใบแจ้งหนี้ 1.2 ลบ. รอบจ่าย 60 วัน → ทำ AR 80% ได้เงินทันที 960,000 บาท
ใช้เป็นทุนวัตถุดิบล็อตต่อไป พอเงินลูกค้าเข้า → ปิด AR และลดการใช้ OD
สรุปสั้น: AR/Factoring = สะพานเงินสด ใช้เฉพาะที่คุ้มจริง ๆ
เงินจมในสต็อกและงานระหว่างทำ คือดอกเบี้ยที่มองไม่เห็น ลดได้ด้วยการจัดการรอบผลิต
ทำตามนี้ทีละขั้น
กำหนด “รอบผลิตต่อเดือน” ที่เหมาะ
ย่อยล็อตให้พอดี ลดเวลาที่เงินจมใน WIP และลดสต็อกคงเหลือ
สั่งวัตถุดิบแบบ “จังหวะเวลาที่ใช่”
ใช้ข้อมูลจริงของการเบิกใช้ ปรับรอบสั่งให้ตรงกับรอบผลิต ลดการถือของเกินจำเป็น
คุมจุดติดคอ (คอขวด)
ระบุขั้นตอนที่คิวแน่น/ช้าที่สุด แล้วแก้ด้วยการสลับกะงานหรือเพิ่มกำลังเครื่องเฉพาะจุด → งานจบเร็ว เงินไม่จมนาน
วางแผนรับ–ส่งของ
นัดรับวัตถุดิบ–ส่งมอบสินค้าให้ “สั้นและชัด” จะช่วยให้ใบแจ้งหนี้ออกเร็ว และเงินเข้าตามแผน
ใช้ตัวเลขง่าย ๆ ประกอบการตัดสินใจ
จำนวนวันของสต็อกเฉลี่ย: ยิ่งต่ำยิ่งดี
วันเงินจมในงานระหว่างทำ: ลดได้คือดอกลด
ของเสีย/งานแก้ไข: ลดได้ = เงินสดเหลือมากขึ้น
สรุปสั้น: ของเข้า “พอดีเวลา”, งานจบ “ไวและเนียน” = ดอกเบี้ยน้อยลงโดยอัตโนมัติ
ผู้ให้กู้อยากเห็นว่าธุรกิจยังผ่อนไหว ทั้งเดือนพีกและเดือนโลว์
ทำตามนี้ทีละขั้น
ทำแผนเงินสด 6–12 เดือน ระบุเดือนพีก–โลว์ และวันเงินเข้า (หน้าร้าน/เดลิเวอรี/ลูกค้าองค์กร)
รวมค่างวดทั้งหมด ในช่วง 6–12 เดือนแรก:
ดอกเบี้ย OD เฉลี่ย, ค่าธรรมเนียม AR/Factoring, และงวดอื่น ๆ (ถ้ามี)
เทียบความสามารถผ่อนชำระ
เงินสดที่เหลือแต่ละเดือน หลังหักค่าใช้จ่าย หารด้วยค่างวดรวม → ควร “มากกว่า 1 เท่า” อย่างสบาย ๆ
เช็กภาระผ่อนเทียบรายได้
ค่างวดรวมหารรายได้เฉลี่ย/เดือน → โดยมากไม่ควรเกิน ประมาณครึ่งหนึ่ง
ออกแบบงวดให้เข้าฤดูกาล
ช่วงโลว์ให้ค่างวดเบากว่า ช่วงพีกค่อยเพิ่ม (ทยอยเพิ่มค่างวด) เพื่อให้เงินไม่ตึง
ถ้าเดือนใดดูตึง
ลดการใช้ OD, ใช้ AR เฉพาะบิลที่คุ้ม, หรือขยับงวดแบบเบาชั่วคราวตามฤดูกาล
ตัวอย่างตัวเลขสั้น
เงินสดเหลือฐานหลังบริหารรอบผลิตแล้ว ≈ 160,000/เดือน
ค่างวดรวม (ดอก OD เฉลี่ย + ค่าธรรมเนียม AR เฉลี่ย) ≈ 65,000/เดือน
เทียบแล้ว “เหลือมากกว่า 1 เท่า” (160,000 ÷ 65,000 ≈ 2.46) → ผ่อนไหว
เดือนโลว์ 2–3 เดือนแรก ตั้งงวดเบาลง จากนั้นค่อยเพิ่มตามยอดงาน
สรุปสั้น: ทำแผนรายเดือนให้เห็นชัด ๆ ว่า “ฐานก็ไหว แย่ลงเล็กน้อยก็ยังไหว”
เช็กลิสต์เอกสาร
สเตทเมนต์ 6–12 เดือน: ให้เห็นรอบเงินเข้า–ออกจริง และหลักฐาน “ปิด/ลด OD”
ใบสั่งซื้อ (PO) / สัญญา: แสดงดีมานด์ของลูกค้า
ตัวอย่างใบแจ้งหนี้ + รายการอายุลูกหนี้ (สำหรับ AR/Factoring)
ตารางเงินสด 6–12 เดือน + กรณีฐาน/แย่ลง 20%: จุดเงินสดต่ำสุดอยู่ตรงไหน
ข้อมูลรอบผลิต–สต็อก–งานระหว่างทำ: จำนวนวันเฉลี่ย/ล็อต, รอบสั่งวัตถุดิบ, แผนส่งมอบ
สรุปค่างวดรวม (ดอก OD + ค่าธรรมเนียม AR เฉลี่ย/เดือน + งวดอื่น ๆ ถ้ามี)
สไลด์ 1 หน้า (พรีเซนต์): วัตถุประสงค์–โครงวงเงิน (OD + AR), กราฟเงินสดคงเหลือ, สรุป “ผ่อนไหวจริง”, แผนลด OD ไตรมาสละ X%
ขั้นตอนส่งจริง
จัดชุดวงเงิน: OD ขนาดพอดี + AR เฉพาะบิลคุ้ม
แนบเอกสารให้ครบและ “เล่าเรื่องเดียวกัน”
อธิบายวิธีควบคุมสต็อก–งานระหว่างทำ เพื่อให้เงินไม่จม
โชว์แผนงวดที่เข้าฤดูกาล (เดือนโลว์เบา–เดือนพีกเพิ่ม)
วางเป้าหมาย “ปิด/ลด OD ทุกไตรมาส” เป็นลายลักษณ์อักษร
ลิงก์อ่านต่อ (Crosslink ต่าง intent ในคลัสเตอร์ “เพื่อธุรกิจ”)
Term / Investment Loan (กู้ระยะยาว)
→ อ่านต่อ: ลงทุนในสินทรัพย์ (Term/Investment)
OD / Working Capital (วงเงินหมุนเวียน)
→ อ่านต่อ : เสริมสภาพคล่อง (OD/Working Capital): สูตร OD/Factoring ที่ใช้ได้จริง
Leasing / Hire Purchase (เช่าซื้อ/ลีสซิ่ง)
→ อ่านต่อ: เช่าซื้อ / Leasing: รักษากระแสเงินสดสำหรับอุปกรณ์/ยานพาหนะ
ลิงก์กลับ Hub : คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ