ไม่มีทรัพย์ค้ำ แต่อยากได้วงเงินเพื่อหมุน–ขยายกิจการ? “ค้ำประกันโดยรัฐ (บสย.)” คือกุญแจสำคัญ ช่วยให้ธนาคารกล้าปล่อยกู้ โดยยังยึดหลัก “จ่ายคืนไหวจริง”
ยังไม่แน่ใจว่าพร้อมยื่นแค่ไหน? ทำ เช็กคุณสมบัติ แบบเร็วเพื่อดูจุดแข็ง–ช่องว่างก่อนยื่นจริง
บสย.ทำหน้าที่ “ค้ำประกันสินเชื่อ” ให้ธนาคารกล้าปล่อยกู้กับ SME ที่ ทรัพย์ค้ำจำกัด แต่มี กระแสเงินสดจ่ายคืนได้ ผู้กู้จะมี ค่าค้ำประกัน ตามเงื่อนไขโครงการ (คิดเป็นปี/ตามฐานที่กำหนด) ขณะที่ธนาคารยังพิจารณา วินัยทางการเงินปัจจุบัน และ แผนใช้–คืนเงิน อย่างเคร่งครัด
รายได้เดินสม่ำเสมอ 6–12 เดือน แต่ทรัพย์ค้ำไม่พอ
ต้องการวงเงินเพื่อ หมุนงาน/ขยายกิจการเร็ว (มี PO/สัญญา/ดีมานด์ชัด)
ผู้ประกอบการใหม่/เพิ่งฟื้นตัว ที่มี หลักฐานดีมานด์ + แผนเงินสด 12–24 เดือน และ DSCR ≥ ~1.2
คิดก่อนกู้ – แยกเงินให้ถูกงาน: ของใหญ่/ใช้ยาว = Term, ค่าใช้จ่ายรายวัน = OD
เช็กกำลังผ่อน – หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ต้องมี “เงินเหลือ ≥ 1.2 เท่า ของค่างวดรวม”
ตัวอย่าง: เหลือ 120,000 บ. / ค่างวด 90,000 บ. → 1.33 (ผ่าน)
รวมเอกสารให้ดูง่าย – สรุปธุรกิจ 1 หน้า + สเตทเมนต์ 6–12 เดือน + ตาราง “ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี” + ใบเสนอราคา/สัญญา
ยื่น 2–3 แห่ง – ใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน ถามให้ชัดว่า มีโครงการค้ำอะไรอยู่ และ คิดค่าค้ำยังไง
ตอบคำถามให้ตรงประเด็น – เงินก้อนไปทำอะไร? คืนยังไง? ถ้าขายได้น้อยกว่าคาดทำอย่างไร?
เซ็นสัญญา – เงินลงทุน “เบิกเป็นงวด” (Term) / เงินหมุนวันต่อวัน “ดึง–โปะ” ตามรอบเงินเข้า (OD)
เวลาโดยทั่วไปราว 3–8 สัปดาห์ แล้วแต่ความครบของเอกสาร
คุณสมบัติหลัก: ประกอบการจริง, เงินเข้า–ออกพิสูจน์ได้, เอกสารสัมพันธ์กัน (POS/แพลตฟอร์ม ↔ สเตทเมนต์ ↔ ภาษี/งบ)
ค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้: ดอกเบี้ยตามธนาคาร + ค่าค้ำ บสย. (อิงฐาน/อัตราตามโครงการ) + ค่าธรรมเนียมจัดทำสัญญา (ถ้ามี)
ตัวชี้วัดที่ธนาคารมอง: DSCR ≥ ~1.2–1.3, การใช้ OD ไม่เต็มเพดานยาว ๆ, เงินสดสุทธิปลายเดือนเป็นบวก
เคล็ดลับลดดอก/ค่าค้ำ: แบ่งเบิกตามไมล์สโตน (Term), ใช้ OD เฉพาะช่วงจำเป็นและโปะตามรอบเงินเข้า
Myth: “ติดเครดิตบูโร = กู้ไม่ได้แน่” → Fact: แบงก์ดู “ปัจจุบันจ่ายไหวไหม” + แผนเงินสด/วินัยการเงิน หากดีขึ้นและพิสูจน์ได้ ยังมีโอกาส
Myth: “มีค้ำแล้ว อนุมัติแน่เสมอ” → Fact: ค้ำช่วย “เสริมความเชื่อมั่น” แต่แกนตัดสินใจยังอยู่ที่ กระแสเงินสด + เอกสารโปร่งใส
Myth: “ค้ำแพง ไม่คุ้ม” → Fact: เทียบให้ครบ: กำไรเพิ่มจากวงเงิน > ดอกเบี้ย + ค่าค้ำ + ค่าธรรมเนียม จึงเรียกว่าคุ้ม
Myth: “ใช้ OD แทนทุกอย่าง สะดวกกว่า” → Fact: ของยาว = Term, รายวัน = OD ใช้ผิดประเภทดอกบาน–DSCR ตก
Myth: “ยื่นที่เดียวพอ” → Fact: เทียบ 2–3 สถาบัน ลดต้นทุนและได้โครงสร้างวงเงินเหมาะกว่า
กำไรเพิ่ม/ปี ≈ (ยอดขายเพิ่มจากวงเงิน × %กำไรขั้นต้น)
ต้นทุนการเงิน/ปี ≈ ดอกเบี้ยที่จ่ายจริง + ค่าค้ำ (ตามอัตรา/ฐานคิดของโครงการ) + ค่าธรรมเนียมอื่น
ถ้า กำไรเพิ่ม > ต้นทุนการเงิน → แนวโน้ม คุ้ม (ใส่ค่าเผื่อความเสี่ยง 10–15%)
ลงทุนครั้งเดียว (รีโนเวต/อุปกรณ์/เปิดสาขา) → Term/Working Capital อายุเงินกู้ใกล้อายุสินทรัพย์
ค่าใช้จ่ายรายวัน (สต๊อก/ค่าแรง/ยูทิลิตี้/ขนส่ง) → OD/Revolving ดึง–โปะตามจริง
สูตร OD เริ่มต้น: 1–1.5× ค่าใช้จ่ายคงที่/เดือน + สำรอง 10–20% (ใช้จริงเฉลี่ย 50–70% ของเพดาน และพยายาม “ปิด OD” ไตรมาสละครั้ง)
รวมแล้วทดสอบ DSCR ≥ ~1.2–1.3
ลิงก์ “กลางบท” (คัดลอกทั้งบรรทัดนี้ได้เลย):
ยังเลือกไม่ชัดระหว่าง Term, OD หรือวงเงินลักษณะอื่น? ดู เปรียบเทียบสินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์ เพื่อเลือกให้ตรงงาน
สรุปธุรกิจ 1 หน้า: ทำอะไร–ลูกค้าหลัก–ขอวงเงิน–ใช้เงิน–คืนเงิน–ตัวเลขสำคัญ (ยอดขาย/กำไร/DSCR)
หลักฐานรายได้พิสูจน์ได้: รายงาน POS/แพลตฟอร์ม + สเตทเมนต์ 6–12 เดือน + ตาราง “ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี” 1 หน้า
แผนเงินสด 12–24 เดือน: โชว์ว่า DSCR หลังขอกู้ยัง ≥ ~1.2
เอกสารโครงการค้ำ: คุณสมบัติ/วัตถุประสงค์/แบบฟอร์มตามที่ธนาคารแจ้ง
ค่าค้ำเป็นต้นทุนจริง ต้องใส่ใน Cashflow
อย่าใช้ OD ไปลงทุนยาว → เสี่ยงค้างเต็มเพดาน ดอกบาน และ DSCR ตก
เผื่อ Headroom 10–15% สำหรับเงื่อนไข (เช่น DSCR ขั้นต่ำ/ยอดเงินฝากเฉลี่ย)
โครงสร้างวงเงิน Term (ลงทุน) / OD (หมุนเวียน) ชัด และ DSCR ≥ ~1.2–1.3
มีตาราง “ยอดขาย ↔ เงินเข้าบัญชี” 6–12 เดือน (ตัวเลขสัมพันธ์กับภาษี/งบ)
ทราบ อัตรา/ฐานคิดค่าค้ำ ของโครงการ และใส่ลงประมาณการเงินสดแล้ว
เตรียมตอบ Due Diligence: ทำไมต้องขอกู้ แผนใช้เงิน แผนรองรับถ้าขายต่ำกว่าคาด
ลิงก์ “ท้ายบท” (คัดลอกทั้งบรรทัดนี้ได้เลย):
จะยื่นจริง แนะนำดูรายการเอกสารฉบับเต็มที่ เช็กลิสต์เอกสาร แล้วติ๊กตามลำดับ