ผู้ส่งออกต้องรอเงินนาน (ผลิต–ขนส่ง–รับชำระ) สินเชื่อช่วยปิดช่องว่างนี้ เลือกให้เหมาะ: “มีหลักประกัน” ดอกต่ำวงเงินสูง vs “ไม่มีหลักประกัน” ยืดหยุ่นเอกสารน้อยกว่า
วงจรเงินสดของผู้ส่งออก (เข้าใจภาพรวมก่อนเลือกวงเงิน)
ผลิตของ → จ่ายวัตถุดิบ/ค่าแรง → ส่งออก/รอขนส่ง → ออกเอกสาร (Invoice/BL ฯลฯ) → ผู้ซื้อต่างประเทศชำระ (ทันที/เครดิต 30–90 วัน)
ช่องว่างเงินสดอยู่ที่ “ผลิต–ส่ง–รับเงิน” จึงต้องมี วงเงินก่อนส่งของ (Pre-shipment) และ/หรือ หลังส่งของ (Post-shipment)
ยังไม่แน่ใจความพร้อม? ทำ เช็กคุณสมบัติ แบบรวดเร็ว ก่อนกำหนดวงเงิน
แกนคิด: ใช้ทรัพย์ค้ำ (ที่ดิน/อาคาร/บัญชีลูกหนี้ภายใต้ L/C/จำนำเอกสารการค้า)
ข้อดี: วงเงินสูงกว่า, ดอกเบี้ยต่ำกว่า, เงื่อนไขยืดหยุ่นกว่าเมื่อตัวเลขสวย
ข้อควรระวัง: เอกสารและกระบวนการมากขึ้น ใช้เวลาตั้งวงเงินนานกว่า
เหมาะกับ: ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อสม่ำเสมอ, ใช้ L/C บ่อย, หรือมีสินทรัพย์ค้ำที่ชัดเจน
แกนคิด: อิงกระแสเงินสด + เอกสารการค้า (สัญญาซื้อขาย, PO/LOA, Invoice, BL ฯลฯ) โดยไม่ผูกทรัพย์ค้ำ
ข้อดี: ตั้งวงเงินเร็ว, ไม่ต้องล็อกทรัพย์สิน, ตอบโจทย์คำสั่งซื้อมาไว
ข้อควรระวัง: วงเงิน/สัดส่วนทดรองอาจน้อยกว่า, ต้องพิสูจน์เอกสารและเสถียรภาพรายได้
เหมาะกับ: ผู้ส่งออกที่งานไม่ใหญ่มาก, เริ่มมีออเดอร์ต่างประเทศ, หรืออยากแยกวงเงินจากทรัพย์ส่วนตัว
ต้องการภาพรวมแนวคิดและเงื่อนไขทั้งหมด ดู คู่มือสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
Pre-shipment / Packing Credit: เงินหมุนเพื่อซื้อวัตถุดิบ–ค่าแรงระหว่างผลิต อิงสัญญาซื้อขาย/PO/L/C
Post-shipment / ซื้อหรือรับเอกสารส่งออกล่วงหน้า: ทดรองเงินจาก เอกสารส่งออก (Invoice, BL, Insurance, COO ฯลฯ) ปกติทดรอง ~70–90% ของมูลค่าตามเอกสาร (ขึ้นกับประเภทเอกสาร/ประเทศปลายทาง)
Export Factoring (Open Account): ขายสิทธิ์ลูกหนี้ต่างประเทศเพื่อรับเงินเร็วขึ้น (มี/ไม่มีไล่เบี้ย แล้วแต่เงื่อนไข)
วงเงินหมุนเวียนทั่วไป (OD) สำหรับผู้ส่งออก: ใช้จ่ายรายวันรอรับเงินตามรอบ
ต้องการวงเงินสูง–ต้นทุนต่ำ → เริ่มพิจารณา “มีหลักประกัน” (ใช้ทรัพย์ค้ำหรืออิง L/C/เอกสาร)
ต้องการความเร็ว–ไม่อยากผูกทรัพย์ → เริ่มที่ “ไม่มีหลักประกัน” แล้วค่อยขยายเมื่อยอดส่งออกนิ่ง
มี L/C หรือเอกสารแน่น → Post-shipment มักได้สัดส่วนทดรองสูงกว่า Open Account
ขายแบบเครดิต (OA/DA 60–90 วัน) → พิจารณา Factoring ช่วยเร่งเงินสดและลดความเสี่ยงผู้ซื้อ
ยังเลือกไม่ถูกระหว่าง Pre-/Post-shipment, OD หรือ Factoring? ดู เปรียบเทียบสินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์
Pre-shipment (ช่วงผลิต):
ค่าใช้จ่ายผลิตต่อสัปดาห์ × จำนวนสัปดาห์ผลิต + ขนส่ง + Buffer 10–15% = วงเงินเริ่มต้น
Post-shipment (ช่วงรอรับเงิน):
มูลค่าใบแจ้งหนี้เฉลี่ยต่อเดือน × ( เครดิตเทอมวัน/30 ) × สัดส่วนทดรองที่คาด (~70–90%)
OD รวม: ใช้เฉพาะหมุนเวียน และพยายาม “ปิดวงเงิน” อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง เพื่อโชว์วินัยเงินสด
เป้าหมายรวม: DSCR ≥ ~1.2–1.3 หลังรวมทุกวงเงิน เพื่อมีเฮดรูมตามเงื่อนไขธนาคาร
โรงงาน A ใช้เวลา ผลิต 3 สัปดาห์ + ขนส่ง 2 สัปดาห์, ค่าใช้จ่ายผลิตสัปดาห์ละ 400,000 →
Pre-shipment ≈ 400,000 × (3+2) = 2,000,000 + Buffer 10% = 2,200,000
ขายแบบ Open Account 60 วัน, ออกใบแจ้งหนี้เฉลี่ย 3,000,000/เดือน →
Post-shipment ≈ 3,000,000 × (60/30) × 0.8 = 4,800,000 (สมมติทดรอง 80%)
เอกสารที่ช่วยให้ “ผ่านไว–ตั้งวงเงินได้พอดี”
สัญญาซื้อขาย/PO/LOA, L/C (ถ้ามี), Commercial Invoice, Packing List, Bill of Lading/AWB, Insurance, Certificate of Origin, ใบขนสินค้า, ประมาณการผลิต/ตารางส่งมอบ, งบการเงิน–สเตทเมนต์ 6–12 เดือน, รายงาน A/R (ลูกหนี้) และเครดิตเทอมลูกค้า
ค่าเงิน (FX): ตั้งงบ/ราคาขายเผื่อไว้ และใช้ สัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า (Forward) ตามรอบรับเงิน
ผู้ซื้อ–ประเทศปลายทาง: ตรวจเครดิต/ประวัติการชำระเงิน และกำหนดเครดิตเทอมตามความเสี่ยง
เอกสารไม่ครบ/ผิดแบบ: ทำเช็กลิสต์เอกสารส่งออกทุกครั้ง ลดโอกาส “เอกสารตีกลับ”
ค่าขนส่ง/ประกัน: ระบุ Incoterms และความคุ้มครองให้ชัดในสัญญา
เลือกฝั่ง มีหลักประกัน/ไม่มีหลักประกัน ให้เหมาะกับรอบธุรกิจและขนาดคำสั่งซื้อ
คำนวณ Pre- / Post-shipment ตามสูตรข้างบน + Buffer 10–15%
แนบ เอกสารการค้า ครบ และทำ “ตารางแผนผลิต–ส่งมอบ–รับเงิน” ให้เห็นรอบเงินสด
รวมทุกวงเงินแล้ว DSCR ≥ ~1.2 และวางแผน “ปิด OD” เป็นรอบ
ถ้างานพีกชั่วคราว ให้คุยเรื่อง วงเงินชั่วคราว (Temporary Limit) ล่วงหน้า
ก่อนยื่นจริง แนะนำดูรายการเอกสารฉบับเต็มที่ เช็กลิสต์เอกสาร แล้วติ๊กตามลำดับ