ในประเทศไทย SME มีสัดส่วนมากถึง 99.5% ของธุรกิจทั้งหมด และสร้างการจ้างงานกว่า 70% ของตลาดแรงงาน แต่กลับเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพียง 40% เท่านั้น การขอสินเชื่อธุรกิจ SME โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น หากเข้าใจถึงข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ ว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรทำมีอะไรบ้างที่ควรทราบล่วงหน้า สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้้ำประกันที่เหมาะกับแต่ละกิจการ
โดยทั่วไปในสถาบันการเงินแต่ละที่มีข้อกำหนดด้านนี้กันหมดว่าหากเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจลงนามต้องรอกี่เดือนจึงจะสามารถยื่นขอสินเชื่อได้สถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหรือโครงสร้างองค์กรภายใน 6 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อ มีอัตราการถูกปฏิเสธสูงกว่าปกติถึง 35% ถือเป็นการลดทอนคุณสมบัติผู้กู้ไปโดยปริยายครับ
สถาบันการเงินมองว่าเป็นความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของธุรกิจ
ขาดประวัติการบริหารที่ต่อเนื่อง ทำให้ยากต่อการประเมินความสามารถในการชำระหนี้
อาจสะท้อนถึงปัญหาภายในองค์กรที่ซ่อนอยู่
แนะนำว่า หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร ควรวางแผนให้มีระยะเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อ เพื่อให้ธุรกิจมีเวลาปรับตัวและสร้างประวัติการดำเนินงานภายใต้โครงสร้างใหม่อีกทั้งหากปรับแล้วมีผลกำไรที่ดีขึ้นก็จะได้คะแนนดีขึ้นไปด้วย
การขอสินเชื่อโดยไม่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนว่าจะนำเงินไปใช้อย่างไรให้เกิดผลตอบแทนเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรง เพราะเมื่อได้รับวงเงินสินเชื่อมาแล้วสิ่งที่ตามมาคือภาระด้านดอกเบี้ยที่มองข้ามไม่ได้ สิ่งที่สถาบันการเงินต้องการเห็น
แผนธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง
ประมาณการรายได้และกำไรที่จะเพิ่มขึ้นจากการใช้เงินกู้
ระยะเวลาคืนทุนที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล
แผนสำรองในกรณีที่ธุรกิจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้การจัดทำแผนธุรกิจที่มีรายละเอียดครบถ้วน โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นว่าเงินกู้จะสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติมอย่างไร และมีความสามารถในการชำระคืนเงินกู้อย่างไร แผนควรมีการคำนวณ ROI (Return on Investment) ที่ชัดเจน
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของธุรกิจ SME คือการปะปนระหว่างการเงินส่วนตัวของเจ้าของกับการเงินของกิจการ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า กว่า 75% ของ SME ในไทยมีปัญหาการไม่แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพิจารณาสินเชื่อค่อนข้างมาก
ยากต่อการประเมินสถานะทางการเงินที่แท้จริงของธุรกิจ
สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่ไม่เป็นระบบ
อาจทำให้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญบิดเบือน เช่น อัตรากำไรสุทธิ หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
การขอสินเชื่อเพื่อลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการวิเคราะห์อย่างรอบคอบเป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวทางธุรกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า 42% ของ SME ที่ปิดกิจการเกิดจากการลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยงสูงโดยขาดการวิเคราะห์ที่เพียงพอ
ความเสี่ยงด้านตลาดและการแข่งขัน
ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและข้อบังคับ
ความเสี่ยงด้านการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน
จัดทำการวิเคราะห์ SWOT อย่างละเอียด
ประเมินความเป็นไปได้ของโครงการในหลายสถานการณ์ (Best case, Base case, Worst case)
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน
มีแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน
การหลีกเลี่ยง 4 ข้อผิดพลาดข้างต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สถาบันการเงินมองหาธุรกิจที่มีความมั่นคง มีการบริหารจัดการที่ดี มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อจึงเป็นกุญแจสำคัญเสมอตลอดมาครับ
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและความอยู่รอดของธุรกิจ SME ผู้ประกอบการที่เข้าใจและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและมีโอกาสต่อสินเชื่อธุรกิจมากกว่าคนอื่นๆ
หากท่านสนใจ คำปรึกษาเกี่ยวกับสินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและบริการให้คำปรึกษาฟรี เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจพร้อมช่วยคุณวางแผนและเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
#สินเชื่อธุรกิจSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #สินเชื่อเงินด่วน #กู้เงินด่วน #สินเชื่อถูกกฎหมาย #สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อธุรกิจขนาดย่อม