เช็คการเงินธุรกิจก่อนยื่นกู้: วางกระแสเงินสด 6–12 เดือน, คำนวณ DSCR/DSR, ประเมิน LTV, ตั้งวงเงิน OD อย่างพอดี พร้อมเช็กลิสต์เอกสารและตัวอย่างคำนวณ
กลับหน้าแม่ (Hub): → สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
การวางแผนก่อนยื่นกู้มีเป้าหมายสำคัญสองข้อ: (ก) ได้ “วงเงินพอดี” กับการใช้งานจริง และ (ข) โครงสร้างผ่อนที่ “ผ่อนไหวจริง” ตามกระแสเงินสดของกิจการ ผู้ให้กู้ส่วนใหญ่ประเมินจาก 3 แกนพร้อมกันคือ DSCR/DSR (ความสามารถชำระหนี้) และ LTV (ความสัมพันธ์ระหว่างวงเงินกับมูลค่าทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักประกัน) จึงควรออกแบบแผนการเงินที่ทำให้สามตัวนี้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้น
DSCR (Debt Service Coverage Ratio) ≈ เงินสดจากการดำเนินงานต่อเดือน ÷ ค่างวดหนี้รวมต่อเดือน → เป้าหมายที่พบได้บ่อยคือ ≥ 1.2–1.3 เพื่อเผื่อความผันผวน
DSR (Debt Service Ratio) = ค่างวดหนี้ต่อเดือนทั้งหมด ÷ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน → โดยทั่วไปควรอยู่ ≤ ~50–60% (ขึ้นกับโปรไฟล์/ผลิตภัณฑ์)
LTV (Loan-to-Value) = วงเงิน ÷ มูลค่าหลักประกัน → ยิ่ง LTV ต่ำ ความเสี่ยงผู้ให้กู้ยิ่งต่ำ โอกาสอนุมัติยิ่งสูงขึ้น (ช่วงที่เป็นไปได้ขึ้นกับชนิดทรัพย์ เช่น เครื่องจักร/ยานพาหนะ/อสังหาริมทรัพย์)
แนวทางที่ทำงานได้จริงคือ “ตั้งโจทย์ธุรกิจ → แปลงเป็นชุดวงเงิน” แทนการขอผลิตภัณฑ์ตัวเดียว เช่น ลงทุนไลน์ผลิต (ใช้ Term/Investment) + ต้องรองรับช่องว่างเงินสดรอเก็บเงิน (ใช้ OD/Working Capital) + มีลูกหนี้การค้า (ใช้ Factoring/AR เป็นตัวเร่งเงินเข้า) วิธีนี้ช่วยให้ทั้ง DSCR และ LTV อยู่ในโซนปลอดภัยโดยไม่ดึงสภาพคล่องเกินจำเป็น
หัวใจของการออกแบบวงเงินคือการรู้ว่า “เงินขาดช่วงเมื่อใดและแค่ไหน” ทำ ปฏิทินเงินเข้า–ออก รายเดือนโดยแยกยอดขาย, ต้นทุนผันแปร, ค่าใช้จ่ายคงที่ และรอบเก็บเงินของลูกค้าใหญ่ ๆ จะเห็นช่วงเวลาที่ตัวเลขติดลบชัดเจน ซึ่งกลายเป็นเงื่อนไขในการตั้งวงเงินและตารางผ่อน
ขั้นทำงานที่แนะนำ
แผนฐาน + ดีขึ้น/แย่ลง: ทำ Scenario 3 แบบ (ฐานจริง / ดีขึ้น +20% / แย่ลง −20%) แล้วคำนวณ DSCR/DSR ในแต่ละกรณี
เจาะวัฏจักรงาน: จัดลำดับ PO→Raw→WIP→FG→AR เพื่อเห็นรอบหมุนจริง ช่วยกำหนดว่า OD ควรอยู่ระดับใด, Factoring ใช้ช่วงไหน, และ Term ควรมี Grace/Step-up อย่างไร
บันทึกจริงทุกเดือน: หลังได้วงเงินแล้ว ควรอัปเดตกระแสเงินสดจริงเทียบแผน เพื่อปรับขนาด OD/ตารางผ่อน และรักษา DSCR ให้อยู่ในเส้นเป้าหมาย
ตัวอย่างไอเดีย: หากธุรกิจเก็บเงิน 60 วัน จะมีช่วง “เงินออกก่อน–เงินเข้าทีหลัง” 2 เดือนสม่ำเสมอ การกำหนด OD จากค่าใช้จ่ายคงที่และวงรอบการผลิตที่แท้จริงจะช่วยหลีกเลี่ยงการขอวงเงินเกินความจำเป็น ซึ่งไปกด DSR โดยใช่เหตุ
OD คือเครื่องมือรักษาสภาพคล่องที่ทรงพลัง แต่ถ้าตั้งเกินจริงหรือใช้เต็มวงเงินถาวร ภาพวินัยการเงินจะดูแย่และกด DSCR ลงโดยไม่จำเป็น สูตรตั้งต้นที่ใช้งานได้คือ:
วงเงิน OD ตั้งต้น ≈ ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือน × 1.0–1.5 + สำรอง 10–20%
ถ้า รอบเก็บเงินยาว 60–90 วัน ให้ใช้ค่าเฉลี่ย 3–6 เดือน และเพิ่มสำรองไปทาง 20%
ตั้งกติกา “ปิด/ลด OD รายไตรมาส” เมื่อเงินเริ่มเข้าช่วงดี เพื่อสะท้อนวินัย (ส่งผลบวกเวลารีวิววงเงินในอนาคต)
ตัวอย่าง: ค่าใช้จ่ายคงที่ 300,000 บาท/เดือน เลือกตัวคูณ 1.2 ⇒ 360,000 บาท เพิ่มสำรอง 10% ⇒ แนะนำวงเงินราว 396,000 บาท ถ้าธุรกิจมีรอบเก็บเงินยาวมาก ควรอิงค่าเฉลี่ย 6 เดือน และตั้งสำรอง 20% เพื่อกันความผันผวน
OD คู่กับ AR/Factoring: หากมีใบแจ้งหนี้จำนวนมากและรอบเก็บเงินยาว การผสม Factoring เพื่อลดจำนวนวันที่เงินนอนจะช่วยลดการพึ่งพา OD และทำให้ DSCR ไม่ถูกบีบจากดอกเบี้ยโดยเกินจำเป็น
เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงงานตั้งแต่ต้น ลดการลากดอกผิดประเภท และทำให้ตัวชี้วัดหลักสวยตั้งแต่วันแรก
ลงทุน/ขยายสินทรัพย์ → Term / Investment Loan
ใช้อัตราผ่อนแนวยาว ออกแบบ Grace ช่วงติดตั้งและ Step-up/Seasonal ให้เข้ากับช่วงรายได้เริ่มไหล ปลายทางคือ DSCR ≥ 1.2–1.3 อย่างยั่งยืน
ทุนหมุนเวียน → OD / Working Capital
ใช้ยืดหยุ่น จ่ายดอกเฉพาะที่ใช้ ตั้งเป้า “ใช้–ปิด–ลด” เป็นรอบตามเงินเข้าจริง
ซื้อเครื่องจักร/ยานพาหนะ → เช่าซื้อ / Leasing
พิจารณา Residual/Balloon และผลทางภาษี เลือกโครงสร้างที่ทำให้ DSR ไม่ตึงในช่วงแรก
รอเงินจากลูกค้า → Factoring / AR Financing
เร่งเงินสดจากใบแจ้งหนี้ 70–90% (ขึ้นกับเคส) ลดช่องว่างเงินสดโดยไม่ต้องขยาย OD เกินจำเป็น
ทางลัดอ่านต่อ (Crosslink ต่าง intent ในคลัสเตอร์ “เพื่อธุรกิจ”)
เคล็ดลับ: สื่อสาร “เหตุผลทางการเงิน” ชัด ๆ บนสไลด์ยื่นกู้ เช่น เพิ่มกำลังผลิตกี่ %, ลดต้นทุน/ชั่วโมงอย่างไร, Payback กี่ปี เพื่อให้ผู้ให้กู้เห็นภาพผลตอบแทนจากวงเงินที่ขอ
การวาง ตารางเบิกใช้เงิน (Drawdown) และ ตารางผ่อน ให้สอดคล้องกับลำดับงานจริง ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยและทำให้ DSCR อยู่ในเป้าหมายโดยไม่ฝืนกระแสเงินสด
โครงการลงทุน: แบ่งเบิกตาม Milestone (สั่งซื้อ→ติดตั้ง→ทดสอบ) ลดดอกช่วงที่ทรัพย์ยังไม่ก่อรายได้
ธุรกิจฤดูกาล: ใช้ Step-up/Seasonal ให้ค่างวดช่วงแรกเบากว่าและไล่ระดับตามยอดขาย
คู่ OD + Term: ใช้ OD ครอบช่องว่างสั้น ๆ ระหว่างก่อสร้าง/ติดตั้ง แล้ว “ปิด/ลด” เมื่อเข้าเฟสใช้งานเต็มกำลัง
Monitoring รายเดือน: ทำตารางติดตาม DSCR/DSR จริงเทียบแผน หากต่ำกว่าเป้าหมาย ให้รีวิวการใช้ OD/ปรับ Drawdown/ยืด tenor อย่างมีเหตุผล
ตัวอย่างภาพรวม: ลงทุนเครื่องจักร 4.0 ลบ. มูลค่าทรัพย์ 5.0 ลบ. (LTV ~80%) วาง Grace 3–6 เดือนช่วงติดตั้ง และ Step-up 3 ช่วงตามแผนขึ้นไลน์ผลิต ควบคู่ OD 0.6 ลบ. เพื่อหมุนวัตถุดิบในช่วงรอเงินเข้า การจัดชุดวงเงินแบบนี้ช่วยให้ DSCR ฐานอยู่เหนือ 1.2 และไม่เกิดการดึงสภาพคล่องเกินจำเป็
เอกสารที่ “เล่าเรื่องเดียวกัน” คือสิ่งที่ผู้ให้กู้มองหา เพราะสะท้อนความน่าเชื่อถือและความสม่ำเสมอของธุรกิจ
เช็กลิสต์ก่อนยื่น
งบการเงิน/ภาษี/สเตทเมนต์ สอดคล้องกัน (ยอดขายในงบใกล้เคียงยอดรับจริง)
แผนกระแสเงินสด 6–12 เดือน พร้อม Scenario (+20%/−20%) และผลต่อ DSCR/DSR
โครงสร้างวงเงินตามวัตถุประสงค์ (Term/OD/Leasing/Factoring) + ตาราง Drawdown
เอกสารทรัพย์/หลักประกัน (สิทธิ, รูปทรัพย์, ใบเสนอราคา/สเปก, ตารางติดตั้ง) เพื่อรองรับ LTV
สไลด์สรุป 1 หน้า: วัตถุประสงค์, วงเงิน/ผลิตภัณฑ์, DSCR/DSR/LTV, ROI/Payback, แผนปิด/ลด OD
แผนวินัยหลังอนุมัติ: รายงานการใช้ OD รายไตรมาส, เป้าปิด/ลด, ตัวชี้วัดกระแสเงินสด
ขอวงเงิน “เผื่อเกินไป” จน DSR/DSCR ตึง → แก้ด้วยการทำ Scenario −20% ให้ยังอยู่ ≥ 1.0
ใช้ OD เต็มตลอด ไม่เคยปิด → ตั้งเป้า “ปิด/ลด” รายไตรมาสและบันทึกในสเตทเมนต์
งบ/สเตทเมนต์/PO “เล่าไม่ตรงกัน” → เคลียร์ความต่างให้เรียบร้อยก่อนยื่น (เช่น อธิบาย Seasonality/ลูกค้าก้อนใหญ่)
ไม่ทำ Stress test → ยอดขายสะดุดเล็กน้อย DSCR หลุดทันที ควรเผื่อแผน Grace/Step-up ตั้งแต่ต้น
วางตารางผ่อนไม่เข้าฤดูกาล → ปรับเป็น Seasonal เพื่อลดแรงกดบนกระแสเงินสดช่วงโลว์ซีซัน
กลับหน้าแม่ (Hub): → สินเชื่อเพื่อธุรกิจ